แด่น้องน้ำ (ตอนที่ 2)

แด่น้องน้ำ-2

      

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ควรคำนึงถึงปริมาณน้ำอีกด้วยอย่างกรณีสภาพอากาศ การออกกำลังกาย การเป็นไข้ ท้องเสีย หรืออาเจียน ยกตัวอย่างเช่น

  • หากมีการออกกำลังกาย ควรเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มอีก 1.5-2.5 แก้วต่อวัน
  • เพิ่มปริมาณน้ำมากขึ้นในกรณีที่อากาศร้อน
  • หากอยู่ในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 8,200 ฟุต ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น
  • เมื่อเป็นไข้ อาเจียน หรือท้องเสีย ร่างกายจะต้องการน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้มาก

เพราะหากร่างกายขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่พอ อาจก่อให้เกิดผลเสียดังต่อไปนี้

  • ทำให้มีความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง เนื่องจากร้อยละ 90 ของเลือด คือ น้ำ ดังนั้น หากร่างกายขาดน้ำ จะทำให้เลือดข้น
  • เมื่อร่างกายขาดน้ำ ทางเดินหายใจจะหดตัวลงเพื่อลดการสูญเสียน้ำ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหอบหืด (Asthma) และภูมิแพ้ที่มากขึ้น
  • ผิวหนังจะอ่อนแอและเป็นริ้วรอยก่อนกำหนด
  • มีปัญหาต่อระบบย่อยอาหาร ท้องผูก และมีกรดในกระเพาะมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นกรดไหลย้อน (Heartburn) และกระเพาะอักเสบ
  • เนื่องจากกระดูกอ่อน (Cartilage) ที่พบในข้อต่อและหมอนรองกระดูก (Disks of the spine) มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณร้อยละ 80 ดังนั้นการมีภาวะขาดน้ำที่ต่อเนื่องนานๆ สามารถทำให้ข้อต่อขาดความสามารถในการรับแรงกระเทือน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปวดข้อได้
  • ภาวะการขาดน้ำ (Dehydration) สามารถมีผลต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง เพราะการขาดน้ำนานๆ อาจทำให้มีปัญหาในด้านการคิดและการใช้เหตุผลได้
  • เป็นโรคไต ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นนิ่วในไต
  • ช็อคหมดสติ

อย่างไรก็ดี การดื่มน้ำที่มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่นกรณีของนักวิ่งมาราธอนที่ดื่มน้ำปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น จะทำให้มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ซึ่งทำให้มีอาการ

  • สับสน (Confusion)
  • ปวดศีรษะ
  • เหนื่อยล้า (Fatigue)
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน
  • หงุดหงิด
  • กล้ามเนื้อหดเกร็ง (Muscle spasms) เป็นตะคริว (Cramps) อ่อนแรง
  • สั่น
  • ไม่รู้สึกตัว (Coma)

แหล่งข้อมูล:

  1. Why is drinking water important? https://www.medicalnewstoday.com/articles/290814.php [2018, March 4].
  2. How much water you need to drink. https://www.medicalnewstoday.com/articles/318623.php?sr [2018, March 4].