แด่น้องน้ำ (ตอนที่ 2)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 5 มีนาคม 2561
- Tweet
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ควรคำนึงถึงปริมาณน้ำอีกด้วยอย่างกรณีสภาพอากาศ การออกกำลังกาย การเป็นไข้ ท้องเสีย หรืออาเจียน ยกตัวอย่างเช่น
- หากมีการออกกำลังกาย ควรเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มอีก 1.5-2.5 แก้วต่อวัน
- เพิ่มปริมาณน้ำมากขึ้นในกรณีที่อากาศร้อน
- หากอยู่ในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 8,200 ฟุต ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น
- เมื่อเป็นไข้ อาเจียน หรือท้องเสีย ร่างกายจะต้องการน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้มาก
เพราะหากร่างกายขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่พอ อาจก่อให้เกิดผลเสียดังต่อไปนี้
- ทำให้มีความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง เนื่องจากร้อยละ 90 ของเลือด คือ น้ำ ดังนั้น หากร่างกายขาดน้ำ จะทำให้เลือดข้น
- เมื่อร่างกายขาดน้ำ ทางเดินหายใจจะหดตัวลงเพื่อลดการสูญเสียน้ำ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหอบหืด (Asthma) และภูมิแพ้ที่มากขึ้น
- ผิวหนังจะอ่อนแอและเป็นริ้วรอยก่อนกำหนด
- มีปัญหาต่อระบบย่อยอาหาร ท้องผูก และมีกรดในกระเพาะมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นกรดไหลย้อน (Heartburn) และกระเพาะอักเสบ
- เนื่องจากกระดูกอ่อน (Cartilage) ที่พบในข้อต่อและหมอนรองกระดูก (Disks of the spine) มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณร้อยละ 80 ดังนั้นการมีภาวะขาดน้ำที่ต่อเนื่องนานๆ สามารถทำให้ข้อต่อขาดความสามารถในการรับแรงกระเทือน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปวดข้อได้
- ภาวะการขาดน้ำ (Dehydration) สามารถมีผลต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง เพราะการขาดน้ำนานๆ อาจทำให้มีปัญหาในด้านการคิดและการใช้เหตุผลได้
- เป็นโรคไต ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นนิ่วในไต
- ช็อคหมดสติ
อย่างไรก็ดี การดื่มน้ำที่มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่นกรณีของนักวิ่งมาราธอนที่ดื่มน้ำปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น จะทำให้มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ซึ่งทำให้มีอาการ
- สับสน (Confusion)
- ปวดศีรษะ
- เหนื่อยล้า (Fatigue)
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- หงุดหงิด
- กล้ามเนื้อหดเกร็ง (Muscle spasms) เป็นตะคริว (Cramps) อ่อนแรง
- สั่น
- ไม่รู้สึกตัว (Coma)
แหล่งข้อมูล:
- Why is drinking water important? https://www.medicalnewstoday.com/articles/290814.php [2018, March 4].
- How much water you need to drink. https://www.medicalnewstoday.com/articles/318623.php?sr [2018, March 4].