เฮชไอวี VS เอดส์ (ตอนที่ 5)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 22 ธันวาคม 2558
- Tweet
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเชื้อเฮชไอวีได้พัฒนาไปเป็นเอดส์แล้ว ได้แก่
- เป็นไข้ไม่ยอมหาย
- เหงื่อออกระหว่างนอนหลับ
- รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา (ไม่ได้เกิดจากความเครียดหรือการอดนอน)
- รู้สึกไม่สบายตลอดเวลา
- น้ำหนักลด
- ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น ที่คอ ขาหนีบ รักแร้
- มีเชื้อราในปาก (Oral thrush)
- ท้องเสียมากกว่า 1 สัปดาห์
ในสมัยก่อนคนที่ติดเชื้อเฮชไอวีจะเปรียบเสมือนคนที่ถูกโทษประหารชีวิต แต่ในปัจจุบันด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่หลากหลาย ทำให้สามารถชะลอหรือควบคุมอาการของการติดเชื้อได้
แพทย์สามารถกำจัดเชื้อเฮชไอวีออกจากร่างกายได้ หากได้รับการรักษาทันทีหลังการติดเชื้อภายใน 72 ชั่วโมง ด้วยการกินยาต้านเฮชไอวี (Anti-HIV drugs) อย่างในหมู่แพทย์ พยาบาล ตำรวจ ที่อาจสัมผัสกับเลือดที่มีเชื้อ เช่น การถูกเข็มทิ่มเป็นแผลระหว่างการรักษาหรือดูแลผู้ติดเชื้อ หรือเลือดที่มีเชื้อกระเด็นเข้าตา จมูก เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาได้บ้าง
ยาที่ใช้รักษาผู้ติดเชื้อ จะหยุดยั้งการแพร่ตัวของเชื้อไวรัสในร่างกาย ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานสามารถซ่อมแซมตนเองและไม่ถูกทำลายเพิ่ม การใช้ยาเพียงตัวเดียวในการรักษาจะทำให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย แต่การรักษาด้วยยาหลายตัวร่วมกันจะให้ผลที่ดีกว่า
ดังนั้น หากพบว่าติดเชื้อเฮชไอวี แพทย์จะเริ่มการรักษาด้วยการให้ยาหลากชนิดเพื่อต้านเชื้อเฮชไอวีหรือที่เรียกว่า HAART (Highly-active antiretroviral therapy) อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันได้มีการรวมยาต้านไวรัสหลายขนานไว้ในเม็ดเดียวกัน หรือที่เรียกว่า "Fixed dose combination" ดังนั้นผู้ติดเชื้อจึงสามารถกินยาเพียง 1 หรือ 2 เม็ดต่อวันเท่านั้น
การกินยาให้ตรงเวลาทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษา เพราะการขาดยา 1-2 ครั้ง ใน 1 สัปดาห์ ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการดื้อยาได้ นอกจากนี้การให้ยาไม่ถูกหรือไม่ต่อเนื่องหรือยามีปฏิกริยากับยาชนิดอื่น (Interact) ก็อาจทำให้เชื้อกลายพันธุ์หรือเปลี่ยนเป็นเชื่อดื้อยาได้
โดยผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาการติดเชื้อ ได้แก่
- คลื่นไส้
- ท้องเสีย
- ผิวหนังเป็นผื่น
- นอนไม่หลับ
แหล่งข้อมูล
- HIV and AIDS. http://www.nhs.uk/conditions/HIV/Pages/Introduction.aspx [2015, October 21].
- What Is HIV/AIDS? https://www.aids.gov/hiv-aids-basics/hiv-aids-101/what-is-hiv-aids/ [2015, October 21].
- HIV & AIDS Overview. http://www.webmd.com/hiv-aids/ [2015, October 21].