เสริมคาง “เทียม” อาจก่อปัญหา “แท้” (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

นายเจมส์ แมคไดรมาย ที่ปรึกษาศัลยแพทย์ และโฆษกประจำสมาคม ศัลยแพทย์ตกแต่งเพื่อความงามแห่งอังกฤษ (British Association of Aesthetic Plastic Surgeons) เปิดเผยว่า ไม่พบผู้ป่วยรายที่เข้ามาในคลินิกของตนเพื่อทำศัลยกรรมเสริมคาง (Chin augmentation) โดยตรง แต่การเสริมคาง มักจะเป็นส่วนหนึ่งของการศัลยกรรมในส่วนอื่นๆ เช่น การลดขนาดของจมูก เพราะเมื่อใดที่คางดูเล็กลง เมื่อนั้นจมูกจะดูใหญ่ขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องตกแต่งจมูก

ประมาณร้อยละ 80 ของการเสริมคางของผู้หญิง เป็นส่วนหนึ่งที่มาจากการศัลยกรรมความงามด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของการเจริญเติบโตของการปลูกถ่ายคาง และผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปร่างใบหน้าของหนุ่มๆ เป็นตัวเลขที่เกือบเท่ากับของสาวๆ

การทำศัลยกรรมตกแต่งความงามด้วยพลาสติกนั้น ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7,000 คนในสหรัฐอเมริกา การเสริมคาง นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการแล้ว ยังเป็นกลเม็ดในการเรียกคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า ในลักษณะเดียวกันกับยกกระชับผิวหน้าที่เรารู้จักกันดีว่า “เฟซลิฟต์” (Facelift)

การเสริมคางอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะเป็นการใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ส่วนปัญหามากหรือน้อยขึ้นกับประสบการณ์ของศัลยแพทย์ คุณสมบัติของคางเทียมที่ใช้ และปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม แต่ถ้าเป็นกรณีการตัดเลื่อนกระดูก ปัญหาหลักขึ้นกับความรู้ การฝึกฝนอบรม และประสบการณ์ของศัลยแพทย์

นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่พบได้ทั่วๆ ไป ได้แก่

  • เป็นรอยช้ำ (Bruising)
  • การเลื่อนตำแหน่งของคางเทียม ทำให้รูปหน้าไม่สมดุล
  • อาการบวม (Swelling)
  • ฟันได้รับความเสียหาย
  • อาการเลือดคั่ง (Blood clots)
  • การติดเชื้อ (Infection) ซึ่งบางครั้งทำให้ต้องเลาะคางเทียมออก
  • อาการชา (Numbness) หรือผิวหนังบริเวณนั้นมีการรับรู้ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะการเลาะบริเวณคาง จะทำให้เส้นประสาทถูกรบกวน
  • เห็นรอยต่อระหว่างคางใหม่กับกระดูกกรามล่างในกรณีที่เสริมคาง

ทั้งนี้ภายหลังการผ่าตัด 1–2 วันแรก ควรรับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนๆ อาจมีความรู้สึกตึงบริเวณคางไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ และอาจมีอาการชาได้นานถึง 3 เดือน อาการบวมจะค่อยๆ ลดลงภายใน 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัด และแม้ว่าจะสามารถเอาผ้าพันแผลออกได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่ 4–6 สัปดาห์แรก แพทย์อาจแนะนำให้สวมปลอกคอระหว่างเวลานอนด้วย

ดูจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว อะไรๆ ที่เป็นธรรมชาติก็คงจะดีที่สุด แต่หากตัดสินใจที่จะทำศัลยกรรมแล้ว ควรต้องศึกษาให้ละเอียด และต้องยอมรับภาวะแทรกซ้อนบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของบรรดาหมอเถื่อน ที่ทำให้เราต้องทุกข์ทรมานใจไปตลอดชีวิต

แหล่งข้อมูล:

  1. ผ่าตัดเสริมคาง…เทรนด์ศัลยกรรมหนุ่มสาวมะกัน http://www.thaipost.net/x-cite/170512/56904 [2012, May 25].
  2. Chin augmentation. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/002986.htm [2012, May 25].