สาระน่ารู้จากหมอตาตอน เผชิญกับ PM 2.5 อย่างไรดี

เรื่องน่ารู้จากหมอตา-60

      

      ขึ้นชื่อว่าฝุ่น ไม่ว่าจะเป็น PM 2.5 ที่ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือขนาดใหญ่กว่านั้น ล้วนมีอันตรายต่อผิวตา (ocular surface) อันประกอบด้วยผิวเยื่อบุตา ผิวตาดำ ฟิลม์น้ำตา ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในตา แสบตา เนื่องจากก่อกวนผิวตา มีน้ำตาไหล (เป็นกระบวนการโดยอัตโนมัติที่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมพลัดหลงเข้ามา จะมีการหลั่งน้ำตาช่วยชะสิ่งเหล้านั้นทันที) ตามด้วยอาการคล้ายมีผงอยู่ในตา เจ็บตา ตาแดง ตาแห้ง อีกทั้งมีรายงานพบมีการอักเสบของเยื่อบุตาและผิวกระจกตาตามมา หากต้องสัมผัสกับฝุ่นนั้นนานๆ หรือซ้ำๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติในตาอยู่แล้ว เช่น มีต้อลม ต้อเนื้อ มีโรคภูมิแพ้เยื่อบุตา จะทำให้อาการของโรคดังกล่าวกำเริบขึ้น

      ในระยะยาวคือ หากมีการสัมผัสฝุ่นเหล่านั้นบ่อยๆ และนานเข้า ก่อให้เกิดต้อลม ต้อเนื้อ ผิวกระจกตาอักเสบเรื้อรัง ตาแห้งจาก goblet cell ถูกทำลาย หากฝุ่นนั้นมีเชื้อโรคและร่างกายขจัดออกไม่ทัน เชื้อโรคอาจฝังตัวบริเวณเปลือกตา ทำให้เปลือกตาอักเสบ มีกุ้งยิง เยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ ตามมาได้

      สำหรับผู้ใช้คอนแทคเลนส์ อาจทำให้ฝุ่นเหล่านี้ไปแทรกอยู่ผิวคอนแทคเลนส์ อยู่ระหว่างตาดำกับคอนแทคเลนส์ เสี่ยงต่อการติดเชื้อของกระจกตา (โดยทั่วไปหากอยู่ในสิ่งแวดล้อมสกปรก มีฝุ่นมาก แพทย์มักแนะนำว่า ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์) หากจำเป็นต้องใช้คอนแทคเลนส์ในระยะนี้ ควรสวมแว่นตากันฝุ่นเพิ่ม หากมีอาการระคายเคืองให้ถอดคอนแทคเลนส์ออกมาทำความสะอาดและล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที ตามด้วยหยอดน้ำตาเทียมบ่อย ๆ เพื่อชะฝุ่นต่างๆ ออกให้มากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ระยะนี้หันมาใช้คอนแทคเลนส์ชนิดวันเดียวทิ้ง

      แม้ว่า PM 2.5 จะก่อให้เกิดความผิดปกติเฉพาะผิวตา จากการที่ตาคนเรามีกระบวนการป้องกันด้วยการกระพริบตา มีผิวตาที่มีฟิลม์น้ำตาช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมออกจากดวงตา แต่หากมีสิ่งเหล่านี้มากๆ กระบวนการป้องกันตัวเองอาจไม่ทันการณ์ จึงควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นมาก สวมแว่นตาป้องกัน แว่นตาที่ดีควรคลุมบริเวณขมับให้มากที่สุด ตลอดจนใช้น้ำตาเทียมช่วยชะล้างออก หากรู้สึกระคายเคืองตาอย่าขยี้ตา เพราะอาจทำให้ผิวตาที่ขาดความชุ่มชื้นอยู่แล้วมีแผลถลอกได้

      หวังว่าทุกคนคงผ่านพ้นวิกฤต PM 2.5 อย่างปลอดภัย