สาระน่ารู้จากหมอตาตอนคาดการณ์เกิดโรคหัวใจด้วยการตรวจตา

เรื่องน่ารู้จากหมอตา-31

      

      จากหัวข้อข่าวใน online medical journals ถึงความสำเร็จของ Google ปัญญาประดิษฐ์ (Google AI) ในสาขา Nature Biomedical Engineering อีกทั้งมีลงใน USA Today.com เร็ว ๆ นี้ ว่าด้วย technology ใหม่ เพียงการตรวจตาสามารถคาดโอกาสของการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดของหัวในใจ 5 ปี ข้างหน้าได้ถูกต้องถึง 70% โดยไม่จำเป็นต้องไปรับการตรวจที่ยุ่งยาก ที่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด เพียงตรวจและถ่ายรูปจอตาเท่านั้น

      ข้อความนี้คงไม่เกินจริง เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า ตาคือหน้าต่างของหัวใจและโรคทางกายอื่น ๆ การตรวจตาที่เน้นคือ ตรวจจอตา ซึ่งมีหลอดเลือดที่ออกจากขั้วประสาทตา (optic disc) แผ่มาเลี้ยงจอตาเป็นระดับ arteriole และ capillary ตลอดจนหลอดเลือดดำระดับ vein และ venule จึงเป็นบริเวณที่เราตรวจหลอดเลือดระดับ arteriole และ capillary ได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องใช้ Technique ที่ยุ่งยาก เช่น x-ray, ฉีดสี กระบวนการต่าง ๆ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงจากการตรวจนั้น ๆ และหลอดเลือดที่จอตาเห็นด้วยตาก็มีลักษณะเหมือนหลอดเลือดที่อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย หรือนัยหนึ่ง หลอดเลือดจอตาเป็นอย่างไร ที่อวัยวะอื่นก็คงเป็นอย่างนั้น หลอดเลือดที่หัวใจก็คงเป็นแบบเดียวกัน หากผนังหลอดเลือดที่จอตามีการแข็งที่เรียก arteriosclerosis หลอดเลือดหัวใจก็คงเป็นเฃ่นเดียวกัน มีโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้

      วิธีการสังเกตผนังหลอดเลือดที่จอตาที่แข็งตัวในปัจจุบัน มีการตรวจและถ่ายรูปออกมาได้ชัดเจนขึ้น ด้วยความก้าวหน้าของ medical engineer การถ่ายภาพบันทึกลักษณะของจอตา หลอดเลือดที่จอตาละเอียดมากขึ้น จึงไม่น่าจะยากในการวินิฉัย สมัยก่อนการตรวจจอตาทำโดยใช้เครื่องมือคล้ายไฟฉายที่เรียก ophthalmoscope อาศัยตาของผู้ตรวจประเมินว่าหลอดเลือดที่จอตาแข็ง ทำให้หลอดเลือดแดงตีบ มีขนาดเล็กลง เทียบอัตราส่วนของหลอดเลือดแดงต่อหลอดเลือดดำ หรือเริ่มไปกดหลอดเลือดดำ ที่เรียกกันว่า crossing sign หรือที่เปรียบเปรยกันว่า ระดับ arteriole คล้ายลวดทองแดง (copper wire) ถ้าตีบมากขึ้น เห็นเลือดในหลอดเลือดน้อยมาก เรียกกันว่าคล้ายลวดเงิน (silver wire) ทั้งหมดเป็นการบอกถึงหลอดเลือดแดงว่าแข็งตัวแค่ไหน ซึ่งอาศัยยุคปัจจุบันน่าจะวัดได้ถึงขนาดที่แม่นยำกว่า จึงน่าจะคาดการณ์ว่า หลอดเลือดที่หัวใจตีบมากแค่ไหน มีโอกาสอุดตันเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้เพียงใด