เมื่อวิกฤตวัยกลางคนมาเยือน (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

เมื่อวิกฤตวัยกลางคนมาเยือน-2

      

      เนื่องจากวิกฤตวัยกลางคนไม่ได้เป็นโรค (Disease) ดังนั้นอาการที่เกิดขึ้นอาจไม่เหมือนกันทุกคน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของความวิตกกังวล ความเครียด ความแก่ หรือ ความตาย เช่น

  • มีความรู้สึกลึกๆ ว่า ยังไม่บรรลุเป้าหมายในชีวิต
  • รู้สึกอายเพื่อนร่วมงานที่ประสบความสำเร็จมากกว่าหรืออิจฉาเด็กรุ่นใหม่ที่ไฟแรงกว่า
  • ไม่อยากแก่ อยากดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ พยายามทำสิ่งที่ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ เช่น บางคนอาจแต่งตัวให้ดูเด็กลง ออกกำลังกาย กินอาหาร ใช้เครื่องสำอาง เพื่อต่อต้านความแก่
  • อยากอยู่คนเดียวมากขึ้นหรืออยู่กับเพื่อนเพียงไม่กี่คน
  • ไม่พอใจในความสัมพันธ์ เช่น บางคนอยากเปลี่ยนคู่ครอง หรือไม่สนใจเรื่องเพศไปเลย
  • เบื่อหน่าย สับสน เสียใจ หดหู่ อ้างว้าง หรือโกรธง่าย เพราะไม่พอใจในคู่ครอง การงาน สุขภาพ การเงิน หรือสถานะทางสังคม

      ผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสเผชิญวิกฤตวัยกลางคนเหมือนกัน แต่อาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยผู้ชายอาจจะหันไปสนใจของฟุ่มเฟือย เช่น รถสปอร์ตจากต่างประเทศ การหาผู้หญิงวัยเด็กกว่าเพื่อเพิ่มความกระชุ่มกระชวย ส่วนผู้หญิงมักเป็นเรื่องของบทบาทตัวเองที่เปลี่ยนไป เช่น บทบาทความเป็นแม่ที่ลดลงเนื่องจากลูกโตแล้ว การกลัวสามีไปมีภรรยาใหม่ที่เด็กกว่า เป็นต้น

      สำหรับคนบางคนอาจพบภาวะวิกฤตวัยกลางคนเพียง 2-3 สัปดาห์ ในขณะที่คนอื่นอาจใช้เวลาเป็นปีในการก้าวพ้นวิกฤตวัยกลางคน แต่สำหรับ Jim Conway บาทหลวงและที่ปรึกษาซึ่งได้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับวิกฤตวัยกลางคน ได้กล่าวว่า โดยปกติวิกฤตวัยกลางคนจะกินเวลา 2-7 ปี และแบ่งออกได้เป็น 6 ระยะ คือ

      1. ปฏิเสธ (Denial) – เป็นช่วงเริ่มต้นของวิกฤตวัยกลางคน โดยคนมีความพยายามที่จะสู้หรือปฏิเสธความแก่

      2. โกรธโมโห (Anger) – ในระยะนี้จะรู้สึกคับข้องใจเกี่ยวกับวัยกลางคน หรือการไม่สามารถจัดการกับอะไรบางอย่างได้

      3. ย้อนวัย (Replay) – บางคนพยายามกระชากวัยด้วยการทำศัลยกรรม หาคู่สัมพันธ์ใหม่ หรือหนีความรับผิดชอบ

      4. หดหู่ซึมเศร้า (Depression) – เมื่อไม่สามารถย้อนวัยได้ อาจเกิดภาวะหดหู่ซึมเศร้าและวิตกกังวล

      5. แยกตัว (Withdrawal) – บางคนอาจแยกตัวจากคนที่รัก

      6. ยอมรับ (Acceptance) – ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าตัวเองแก่ และเริ่มมองหาความหมายใหม่ในชีวิต

      อนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 วิกฤตวัยกลางคนมีส่วนในการทำให้มีอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้นเป็น 2 เท่า ในผู้ที่อายุ 50 ปี ขึ้นไปโดยมีเหตุผลหลายอย่าง เช่น

  • ความอยากมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ด้วยการอยู่คนเดียวหรือเปลี่ยนคู่ครองคนใหม่
  • ตำหนิคู่ครองว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
  • ไม่มีลูกด้วยกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน
  • คู่ครองไม่มีความน่าสนใจอีกต่อไป

      

แหล่งข้อมูล:

  1. Midlife Crisis. https://www.goodtherapy.org/learn-about-therapy/issues/midlife-crisis [2018, January 12].
  2. Midlife Crisis: Transition or Depression? https://www.webmd.com/depression/features/midlife-crisis-opportunity#1 [2018, January 12].
  3. Midlife crisis. https://en.wikipedia.org/wiki/Midlife_crisis [2018, January 12].