“เพร็พ” และ “เป็ป” ก็ต้านเอดส์เหมือนกัน (ตอนที่ 1)

เพร็พและเป็ปก็ต้านเอดส์เหมือนกัน

ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย แถลงข่าวโครงการลดการติดเอดส์ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสอง โดยการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ก่อนการสัมผัสเชื้อหรือ “เพร็พ” (PrEP) เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่พรเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชันษาครบ 5 รอบ ในปี 2560 หรือ โครงการ เพร็พ พระองค์โสมฯ ว่า

หลังจากองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ประเทศสมาชิกจ่ายยาต้านไวรัสให้กับกลุ่มเสี่ยงที่มีอัตราการติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยละ 3 ต่อปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชายและสาวประเภทสอง เพื่อให้กินก่อนสัมผัสเชื้อ ป้องกันการติดเชื้อนั้น สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการจัดให้เพร็พอยู่ในสิทธิประโยชน์ในกองทุนรักษาพยาบาลใดๆ

สภากาชาดไทยจึงจะเริ่มให้ยาเพร็พฟรีแก่ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสองที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ไปรับบริการสุขภาพทางเพศที่ ศูนย์สุขภาพชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และ จ.สงขลา โดยตั้งเป้าให้บริการยาเพร็พฟรีปีละ 1,000 ราย ต่อเนื่อง 3 ปี โดยใช้งบประมาณจากกองทุนวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อช่วยลดการติดเอดส์ สภากาชาดไทย ปีละ 7,680,000 บาท

ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ อธิบายว่า เพร็พ เป็นการให้ยา 2 ตัว ร่วมกันก่อนการสัมผัสเชื้อ คือ ยาทีโนโฟเวียร์ (TDF) ให้ร่วมกับเอมทริซิตาบีน (FTC) สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ร้อยละ 92 ถ้ากินสม่ำเสมอทุกวัน

ทั้งนี้ ยาทั้ง 2 ตัว องค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตได้ โดยมีราคาจำหน่ายที่คลินิกนิรนาม ราคาเดือนละ 640 บาท สำหรับกลไกยาเพร็พจะไปสะสมอยู่ในเม็ดเลือดขาวในเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งอวัยวะที่เป็นช่องทางเข้าของเชื้อเอชไอวี เช่น ช่องคลอด ปากมดลูก ปากทวารหนัก เยื่อบุอวัยวะสืบพันธุ์ชาย ฯลฯ และเมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าไปในร่างกายในช่องทางดังกล่าว เชื้อก็จะถูกยาที่สะสมอยู่ก่อนยับยั้งไม่ให้แบ่งตัว จึงป้องกันการติดเชื้อได้

ส่วน พญ.นิตยา ภารุภาค พึ่งพาพงศ์ หัวหน้าแผนกป้องกัน ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย แถลงว่า ก่อนจะเริ่มกินเพร็พ ต้องตรวจเลือดให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้ติดเชื้อมาก่อน และต้องตรวจหาการทำงานของไต โดยไม่จำเป็นต้องกินตลอดชีวิต กินเฉพาะช่วงชีวิตที่คิดว่าจะมีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งจะกินทุกวันๆ ละ 1 เม็ด

พญ.นิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเป็นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักต้องกินติดต่อกัน 7 วัน จึงจะทำให้ยามาสะสมอยู่ที่ทวารหนักที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด 10-30 เท่า ส่วนผู้มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดต้องกิน 3 สัปดาห์ จึงจะมียาสะสมที่ช่องคลอด

แต่ทั้ง 2 รูปแบบต้องกินต่อเนื่องจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงแล้ว และต้องตรวจหาการติดเชื้อทุก 3 เดือน ทั้งนี้ คนที่กินเพร็พยังต้องใช้ถุงยางอนามัยและเข็มฉีดยาที่สะอาดในการป้องกันร่วมด้วย

ส่วนผลข้างเคียงของยาเพร็พ เกิดขึ้นได้เล็กน้อยต่อไตและกระดูก แต่หากเทียบกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีแล้วถือว่าคุ้มค่ากว่า

แหล่งข้อมูล

1. สภากาชาด แจก “เพร็พ” สาวประเภทสอง-ชายรักชาย ชี้ “กินก่อนมีสัมพันธ์” ป้องกันเอดส์ได้. http://www.matichon.co.th/news/40477 [2016, Aug 1].