เป็นลม อย่าละเลย (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

โมยาโมยา

4) สมองขาดออกซิเจน เฉียบพลันที่เรียกว่า Reflex anoxic seizures (RAS) ที่เป็นอาการเป็นลมที่เกิดขึ้นเมื่อหัวใจหยุดเต้นชั่วคราวเนื่องจากประสาทเวกัส (Vagus nerve เป็นประสาทสมองเส้นที่ 10) ทำงานมากเกินไป มักเกิดในเด็กเล็กเวลาที่อารมณ์เสีย (Upset)

นอกจากนี้การเป็นลมอาจมีสาเหตุมาจาก

  • ภาวะเลือดจาง (Anemia)
  • การตกเลือด (Bleeding)
  • น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
  • การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์
  • มีภาวะที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมระดับความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) โรคแอมีลอยด์ (Amyloidosis)

[โรคแอมีลอยด์ (Amyloidosis) เป็นโรคที่เกิดจากมีโปรตีนที่ผิดปกติ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะไปจับอยู่ตามเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย เช่น ไปจับที่ผิวหนัง ก็จะเห็นเป็นเม็ด เป็นโรคที่พบได้น้อยมากๆ เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยง แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของสารภูมิต้านทานของร่างกาย (Antibody)]

โดยปกติคนที่เป็นลมจะรู้สึกตัวภายใน 1-2 นาที โดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ดี ควรทำการตรวจเพื่อหาสาเหตุของการเป็นลมด้วย เช่น

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram = ECG) เพื่อดูจังหวะการเต้นของหัวใจ
  • การทดสอบคาโรติดไซนัส (Carotid sinus test) เพราะคาโรติดไซนัสเป็นตัวรับความรู้สึกในหลอดเลือดสมองคาโรติด (Carotid artery) ซึ่งทำหน้าที่ส่งเลือดจากหัวใจผ่านคอด้านหน้าไปสู่สมอง ถ้าหลอดเลือดนี้ตีบตันจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีหรือไม่ได้เลย ทำให้เกิดโรคสมองขาดเลือด
  • การตรวจเลือด (Blood test) เพื่อดูว่าเป็นโรคเบาหวานหรือมีภาวะเลือดจางหรือไม่

หากมีประวัติเป็นลมบ่อย ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ และหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เป็นลม เช่น การอยู่ในสภาพที่ร้อนหรือมีคนมาก การไอ การทำให้ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น

และหากรู้สึกว่าจะเป็นลมให้รีบนอนลง ยกขาให้สูงกว่าระดับศีรษะเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมอง หากไม่สะดวกที่จะนอน ให้นั่งก้มศีรษะระหว่างเข่า

สำหรับกรณีปฐมพยาบาลผู้เป็นลมสามารถทำได้โดย

  • คลายเสื้อผ้าที่สวมใส่
  • ยกขาของผู้ที่เป็นลมให้สูงกว่าระดับหัวใจ (ประมาณ 12 นิ้ว)
  • หากมีการอาเจียน ให้หันหน้าไปด้านข้างเพื่อป้องกันการสำลัก (Choking)
  • ให้ผู้ป่วยนอนอย่างน้อย 10-15 นาที ในที่เย็นและเงียบ อากาศถ่ายเท

แหล่งข้อมูล

  1. Fainting. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/003092.htm [2015, August 26].
  2. Understanding Fainting -- the Basics. http://www.webmd.com/brain/understanding-fainting-basics [2015, August 26].
  3. Fainting. http://www.nhs.uk/Conditions/Fainting/Pages/Introduction.aspx [2015, August 26].