เซเฟม (Cephem)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาเซเฟม (Cephem) เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มใหญ่ของยาปฏิชีวนะกลุ่มเบต้า-แลคแทม(Beta-lactam antibiotic) ยาเซเฟมยังประกอบด้วยยาอีก 2 กลุ่มย่อย คือ ยาเซฟาโลสปอริน(Cephalosporin) และยาเซฟามัยซิน(Cephamycin) ซึ่งเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ขอเปรียบเทียบความคล้ายและแตกต่างระหว่างยาทั้ง 2 กลุ่มย่อยดังนี้

ทั้งนี้ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องค้นคว้าวิจัยเพิ่มจำนวนรายการของยากลุ่มนี้ ด้วยเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคมีการพัฒนาตนเองให้ทนต่อยารุ่นแรกๆทำให้การใช้ยารักษาโรคติดเชื้อ/ยาปฏิชีวนะรุ่นเดิมใช้ไม่ได้ผลและด้อยประสิทธิภาพลง นอกจากนี้ยาแต่ละตัวก็ยังมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน หรือมีข้อจำกัดที่ใช้ไม่ได้กับเชื้อโรคบางกลุ่ม รวมถึงรูปแบบเภสัชภัณฑ์ที่มีทั้งแบบยาฉีดหรือยารับประทาน ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่ทำให้การรักษาโรคเห็นผลเร็วช้าแตกต่างกันออกไป

เซเฟมมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

เซเฟม

ยาเซเฟมมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • ใช้บำบัดรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียทั้งชนิดแกรมบวกและแกรมลบตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น หู ผิวหนัง เนื้อเยื่ออ่อน ระบบทางเดินปัสสาวะ เยื่อหุ้มสมอง อวัยวะของระบบทางเดินหายใจ
  • ใช้เป็นยาป้องกันการติดเชื้อระหว่างการผ่าตัด

เซเฟมมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกสำคัญในการออกฤทธิ์ของกลุ่มยาเซเฟมคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์สารประเภทเปบทิโดไกลแคน(Peptidoglycan,สารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลและกรดอะมีโน)ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผนังเซลล์แบคทีเรีย ส่งผลให้แบคทีเรียหยุดการแบ่งตัว และไม่สามารถเจริญเติบโตหรือแพร่พันธุ์อีกต่อไป

อนึ่ง ยาหลายตัวในกลุ่มยาเซเฟมยังสามารถทนต่อ เอนไซม์เบต้าแลคแทม(Beta-lactamase)ของแบคทีเรียชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านยาเบต้า-แลคแทมกลุ่มเพนิซิลลิน(Penicillin) ได้อีกด้วย

เซเฟมมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาเซเฟมมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • Cephalosporin : มีทั้ง ยาฉีด ยารับประทานทั้งชนิดน้ำและแคปซูล
  • Cephamycin : ส่วนมากจะพบเห็นในรูปแบบของยาฉีด

เซเฟมมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาเซเฟมเป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อราได้ การใช้ยาเซเฟมตัวใดต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น สิ่งสำคัญหลังจากได้รับยากลุ่มเซเฟมภายใน 1–2 วันแล้วอาการดีขึ้น ผู้ป่วยยังคงต้องได้รับยานี้ต่อเนื่องจนครบเทอมการรักษา เพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค

ขนาดการใช้ยา/การบริหารยาเซเฟมในผู้ใหญ่และเด็กก็มีความแตกต่างกันออกไป แพทย์จะใช้ น้ำหนักตัว อายุ สภาพการทำงานของตับ ของไต และประวัติโรคประจำตัวผู้ป่วยมาเป็นเกณฑ์พิจารณาการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่รวมถึงขนาดยานี้ด้วย

เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเซเฟม ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเซเฟมอาจส่งผล ให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

กรณีลืมรับประทานยาเซเฟม สามารถรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ห้ามเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องได้รับยาเซเฟมต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง จึงจะเกิดประสิทธิผลของการรักษา

เซเฟมมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาเซเฟมสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น มีอาการ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย มีภาวะลำไส้ใหญ่อักเสบ (Pseudomembranous colitis)
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิงเวียน ง่วงนอน ปวดศีรษะ
  • ผลต่อไต: เช่น มีCreatinineในเลือดสูง ไตวายเฉียบพลัน เกิดพิษกับไต/ไตอักเสบ
  • ผลต่อหัวใจ: เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกิดภาวะต่างๆ เช่น Eosinophilia , Leukopenia , Granulocytopenia, Neutropenia ,Thrombocytopenia, โลหิตจางจากเม็ดเลือดแตก, และกดไขกระดูก
  • ผลต่อตับ: เช่น มีระดับเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • ผลต่อระบบสืบพันธุ์: เช่น ช่องคลอดอักเสบ เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด

มีข้อควรระวังการใช้เซเฟมอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาเซเฟม เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานยานี้ด้วยตนเอง
  • การใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
  • หากใช้ยานี้แล้วเกิดอาการแพ้ ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที และรีบแจ้งแพทย์/พยาบาลด่วน
  • ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะ ท้องเสีย/ถ่ายเหลว/ถ่ายเป็นน้ำ กรณีการถ่ายมีเลือดปน/อุจจาระเป็นเลือด หรือท้องเสียอย่างรุนแรงต้องรีบรายงานและแจ้งแพทย์ เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม
  • ผู้ป่วยต้องได้รับยานี้ครบเทอมของการรักษาถึงแม้อาการจะดีขึ้นภายใน 1–2 วันแรกก็ตาม
  • ห้ามใช้ยาเซเฟมแบบฉีดที่มีสิ่งเจือปน เช่น กรณีพบฝุ่นผงปนมากับตัวยา
  • ยากลุ่มเซเฟมใช้ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ห้ามนำไปรักษาการติดเชื้อไวรัส หรือ เชื้อรา
  • การใช้ยานี้ติดต่อกันนานๆจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อชนิดอื่นที่ฉวยโอกาส เข้าเล่นงานร่างกาย เช่น เชื้อรา
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุ บันทุกชนิด(รวมยากลุ่มเซเฟมด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

เซเฟมมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาเซเฟมมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ยาเซเฟมร่วมกับยาProbenecid จะทำให้การขับทิ้งของยาเซเฟมออกจากร่างกายลดลง ซึ่งอาจส่งผลเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นจากยานี้เช่นกัน
  • การใช้ยาเซเฟมร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด(Anticoagulant) อาจทำให้ เกิดภาวะเลือดออกง่าย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้ยาเซเฟมร่วมกับกลุ่มยาAminoglycosides อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง กับไตของผู้ป่วยได้ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  • การใช้ยาเซเฟมร่วมกับยาเม็ดคุมกำเนิด อาจทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดด้อยลง ผู้ป่วยควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยชาย

ควรเก็บรักษาเซเฟมอย่างไร?

ควรเก็บรักษาเซเฟมดังนี้

  • เก็บยากลุ่มเซเฟมภายใต้เงื่อนไขที่ระบุในเอกสารกำกับยาของยาแต่ละตัว ยาหลายรายการต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิ 2–8 องศาเซลเซียส (Celsius) แต่ยาหลายรายการก็สามารถเก็บภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น เช่น 20–25 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามห้ามเก็บยาทุกชนิดในช่องแช่แข็งตู้เย็นเด็ดขาด
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และ
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

เซเฟมมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเซเฟม มียาชื่อการค้าและบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Cefoxin (เซโฟซิน)M & H Manufacturing
Cefxitin (เซฟซิทิน)Siam Bheasach
CEFOTAN (เซโฟแทน)GlaxoSmithKline
Cedax (ซีแดกซ์) MSD
Cef-3 (เซฟ-3)Siam Bheasach
Cef-4 (เซฟ-4)Siam Bheasach
Cefadin (เซฟาดิน)Atlantic Lab
Cefamax (เซฟาแม็กซ์)Siam Bheasach
Cefamezin (เซฟาเมซิน)Astellas Pharma
Cefazillin (เซฟาซิลลิน)T P Drug
Cefazol (เซฟาซอล)General Drugs House
Cefazolin Meiji (เซฟาโซลิน เมจิ)Meiji
Cefclor T P (เซฟคลอร์ ทีพี)T P Drug
Cef-Dime (เซฟ-ไดม์)Millimed
Cefmandol (เซฟแมนดอล)General Drugs House
Cefobid IM/IV (เซโฟบิด ไอเอ็ม/ไอวี)Pfizer
Cefodime (เซโฟไดม์)L. B. S.
Cefomic (เซโฟมิก)L. B. S.
Ceforan (เซโฟแรน)General Drugs House
Cefox (เซฟอกซ์)Utopian
Cefoxin (เซโฟซิน)M & H Manufacturing
Cefozone (เซโฟโซน)Atlantic Lab
Cefspan (เซฟสแปน)Astellas Pharma
Ceftime (เซฟไทม์)Utopian
Ceftrex (เซฟเทร็กซ์)Biolab

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Cephem [2018,May5]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/%CE%92-lactam_antibiotic [2018,May5]
  3. https://en.wikipedia.org/wiki/Cephalosporin [2018,May5]
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Cephamycin [2018,May5]
  5. https://en.wikipedia.org/wiki/Cefaclor [2018,May5]