เจาะสัก ร่างกาย ระวังไวรัสตับอักเสบซี (ตอนที่ 4)

มีงานวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยของการเป็นมะเร็งจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี อยู่ที่ประมาณ 28 ปี โดยหลังจากที่มีการพัฒนาเป็นตับแข็ง จะใช้เวลาอีกประมาณ 8 - 10 ปี ในการพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ ซึ่งมีประมาณร้อยละ 2.5 ของคนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรังจะมีการพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเป็นมะเร็งตับมีดังนี้ :

  • เป็นโรคตับแข็ง (Cirrhosis)
  • อายุมาก
  • เป็นเพศชาย
  • ดื่มแอลกอฮอล์มาก
  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือเชื้อเอดส์ (HIV = Human immunodeficiency virus) ร่วมด้วย

เพราะว่าคนติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่ไม่ปรากฏอาการในระหว่างเวลา 15 ปี หรือนานกว่านั้น คนจึงไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อจนกว่าจะมีการตรวจเลือดเพื่อเหตุผลบางอย่าง เช่น การบริจาคเลือด ดังนั้น จึงควรทำการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี หากท่านมีลักษณะดังนี้ :

  • มีสัญญาณหรืออาการของโรคตับ เช่น มีผลการตรวจตับที่ผิดปกติ
  • ได้รับเลือดจากผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
  • มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • มีคู่นอนหลายคนหรือมีคู่นอนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
  • มีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
  • ได้รับการบริจาคเลือดหรืออวัยวะก่อนปี พ.ศ.2535

มีวิธีการตรวจเลือดหลายวิธีที่ใช้ในการทดสอบว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ อันได้แก่ :

  • การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีด้วยการตรวจเลือด เพื่อดูปฏิกริยาภูมิต้านทาน (Antibodies) ในร่างกายที่มีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การตรวจนี้สามารถรู้ผลได้ภายในเวลา 20 นาที ถ้าผลเป็นบวกแสดงว่าคนนั้นได้รับเชื้อไวรัสแล้ว ซึ่งแพทย์มักจะสั่งให้ตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า มีเชื้อไวรัสอยู่ในเลือดจริง
  • การตรวจเลือดเพื่อหาสารพันธุกรรม (Genetic material - RNA) ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
  • การตรวจเลือดเพื่อหาลักษณะทางพันธุกรรม (Genotype) ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่เป็น เพื่อให้แพทย์สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าจะทำการรักษาอย่างไร

นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจซื้อเครื่องตรวจไวรัสตับอักเสบซี (Home Access Hepatitis C Check kit) ได้จากร้านขายยาเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ แล้วปรึกษาแพทย์ถึงผลการตรวจนี้ หรือไม่ก็ตรวจตับดูว่ามีปัญหาหรือไม่ โดย

  • ตรวจดูการทำงานของตับ (Liver function tests) เพื่อดูว่าตับถูกทำลายหรือไม่
  • ตรวจชิ้นเนื้อของตับ (Liver biopsy) เพื่อดูว่าเชื้อไวรัสได้ทำให้ตับเป็นแผลหรือไม่
  • ตรวจด้วยภาพสแกน เช่น CT scan (Computed Tomography) MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งตับ

แหล่งข้อมูล:

  1. Hepatitis C and Liver Cancer. http://www.webmd.com/hepatitis/hepc-guide/hepatitis-c-and-liver-cancer [2013, January 14].
  2. Exams and Tests. http://www.webmd.com/hepatitis/hepc-guide/hepatitis-c-exams-and-tests [2013, January 14].