เจาะสัก ร่างกาย ระวังไวรัสตับอักเสบซี (ตอนที่ 4)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 15 มกราคม 2556
- Tweet
มีงานวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยของการเป็นมะเร็งจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี อยู่ที่ประมาณ 28 ปี โดยหลังจากที่มีการพัฒนาเป็นตับแข็ง จะใช้เวลาอีกประมาณ 8 - 10 ปี ในการพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ ซึ่งมีประมาณร้อยละ 2.5 ของคนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรังจะมีการพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเป็นมะเร็งตับมีดังนี้ :
- เป็นโรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- อายุมาก
- เป็นเพศชาย
- ดื่มแอลกอฮอล์มาก
- ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือเชื้อเอดส์ (HIV = Human immunodeficiency virus) ร่วมด้วย
เพราะว่าคนติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่ไม่ปรากฏอาการในระหว่างเวลา 15 ปี หรือนานกว่านั้น คนจึงไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อจนกว่าจะมีการตรวจเลือดเพื่อเหตุผลบางอย่าง เช่น การบริจาคเลือด ดังนั้น จึงควรทำการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี หากท่านมีลักษณะดังนี้ :
- มีสัญญาณหรืออาการของโรคตับ เช่น มีผลการตรวจตับที่ผิดปกติ
- ได้รับเลือดจากผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- มีคู่นอนหลายคนหรือมีคู่นอนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- มีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
- ได้รับการบริจาคเลือดหรืออวัยวะก่อนปี พ.ศ.2535
มีวิธีการตรวจเลือดหลายวิธีที่ใช้ในการทดสอบว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ อันได้แก่ :
- การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีด้วยการตรวจเลือด เพื่อดูปฏิกริยาภูมิต้านทาน (Antibodies) ในร่างกายที่มีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การตรวจนี้สามารถรู้ผลได้ภายในเวลา 20 นาที ถ้าผลเป็นบวกแสดงว่าคนนั้นได้รับเชื้อไวรัสแล้ว ซึ่งแพทย์มักจะสั่งให้ตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า มีเชื้อไวรัสอยู่ในเลือดจริง
- การตรวจเลือดเพื่อหาสารพันธุกรรม (Genetic material - RNA) ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- การตรวจเลือดเพื่อหาลักษณะทางพันธุกรรม (Genotype) ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่เป็น เพื่อให้แพทย์สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าจะทำการรักษาอย่างไร
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจซื้อเครื่องตรวจไวรัสตับอักเสบซี (Home Access Hepatitis C Check kit) ได้จากร้านขายยาเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ แล้วปรึกษาแพทย์ถึงผลการตรวจนี้ หรือไม่ก็ตรวจตับดูว่ามีปัญหาหรือไม่ โดย
- ตรวจดูการทำงานของตับ (Liver function tests) เพื่อดูว่าตับถูกทำลายหรือไม่
- ตรวจชิ้นเนื้อของตับ (Liver biopsy) เพื่อดูว่าเชื้อไวรัสได้ทำให้ตับเป็นแผลหรือไม่
- ตรวจด้วยภาพสแกน เช่น CT scan (Computed Tomography) MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งตับ
แหล่งข้อมูล:
- Hepatitis C and Liver Cancer. http://www.webmd.com/hepatitis/hepc-guide/hepatitis-c-and-liver-cancer [2013, January 14].
- Exams and Tests. http://www.webmd.com/hepatitis/hepc-guide/hepatitis-c-exams-and-tests [2013, January 14].