ลมชัก:ฮอร์โมนเพศในลมชักผู้หญิง

ฮอร์โมนเพศในลมชักผู้หญิง

อาการชักในผู้หญิงมีประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในแต่ละช่วงเวลาของรอบเดือน และช่วงวัยก่อนมีประจำเดือน และช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือการคุมกำเนิดด้วยาเม็ดฮฮร์โมนคุมกำเนิด ยากันชักตีกับยาฮอร์โมนคุมกำเนิดหรือไม่ มารู้จักเรื่องเหล่านี้อย่างดี ต่อไปนี้

ความสัมพันธ์ของฮอร์โมน

  • ฮอร์โมนเพศหญิงส่งผลต่ออาการชัก และการควบคุมอาการชัก ในทำนองเดียวกันการชักก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงเช่นเดียวกัน
  • ยากันชักก็อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนเพศก็ส่งผลต่อยากันชัก
  • ความสัมพันธ์ของฮอร์โมนเพศกับปัจจัยอื่นๆ ข้างต้นนั้นส่งผลต่อการควบคุมอาการชัก

ผลของฮอร์โมนเพศต่อลมชัก

  • ฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศที่ส่งผลต่อการชัก โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนมีฤทธิ์ทำให้เกิดการชักได้ง่ายขึ้น ส่วนโปรเจสเตอโรนนั้นมีฤทธิ์ต้านชัก ช่วงมีรอบประจำเดือนอัตราส่วนของเอสโตรเจนต่อโปเจสเตอโรนจะสูง อาจส่งผลให้เกิดอาการชักได้บ่อยขึ้นช่วง 1-2 วันก่อนมีประจำเดือน และช่วงไข่ตก
  • ช่วงมีประจำเดือน ระดับยาฟีนัยโตอิน หรือไดแลนตินจะลดระดับลง จากฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศ จึงอาจส่งผลให้เกิดอาการชักได้ง่ายขึ้น
  • ช่วงวัยก่อนจะมีประจำเดือน และช่วงวัยทองมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศเช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้มีการชักบ่อยขึ้นได้

ผลของโรคลมชักต่อฮอร์โมนเพศ

  • ผู้หญิงที่มีอาการชักมีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปจากปกติ รอบประจำเดือน ระยะเวลารอบประจำเดือน ไม่สม่ำเสมอ อาจพบภาวะถุงน้ำในรังไข่ ไม่มีการตกไข่ ไม่มีความต้องการทางเพศ จึงส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นลมชัก
  • อาการชักบ่อยมากขึ้นก็ส่งผลต่อฮอร์โมนเพศ ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ยากันชักส่งผลต่อฮอร์โมนเพศ

  • ยากันชักบางชนิดเมื่อทานแล้วอาจมีรอบประจำเดือนผิดปกติ เนื่องจากฤทธิ์ของยากันชักส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนเพศ และยากันชักบางชนิดส่งผลต่อระดับฮอร์โมนคุมกำเนิด ดังนั้นการคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดฮอร์โมนคุมกำเนิด ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อการเลือกใช้ยากันชักที่เหมาะสม
  • เมื่อทานยากันชัก และมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับรอบประจำเดือน สงสัยว่าจะเป็นผลจากยากันชัก หรือใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ต้องปรึกษาแพทย์

ฮอร์โมนเพศ ยากันชัก อาการชักต่างมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ถ้ามีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์เสมอ