อากาศร้อนเกิน เผชิญอันตราย (ตอนที่ 2)
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 28 เมษายน 2555
- Tweet
นพ. อัษฎางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า เมื่ออากาศร้อนเหงื่อจะออกมากกว่าปรกติ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง แต่ในกรณีที่เกิดโรคลมแดด กลไกควบคุมความร้อนในร่างกายจะล้มเหลว ทำให้เหงื่อออกน้อย หรือไม่ออกเลย เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เนื่องจากร่างกายขาดน้ำปริมาณมาก จนไม่เพียงพอต่อการผลิตเหงื่อ ซึ่งเป็นผลให้บางคน อาจถึงขั้นหมดสติไปเลย
โดยทั่วไป หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องทันท่วงที ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคไต นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือในช่วงที่อากาศร้อนจัด โดยปรับเปลี่ยนเวลาให้มาทำงานในตอนเช้าหรือตอนเย็นแทน หยุดพักบ่อยๆ สวมเสื้อผ้าบางๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ และต้องดื่มน้ำเปล่ามากๆ
เด็กๆ และผู้ใหญ่สูงอายุ หรือคนพิการ มีความเสี่ยงสูงต่อการตายเนื่องจากโรคลมแดด (Heat stroke) อาทิ หากถูกปล่อยไว้ในรถที่จอดอยู่ แม้จะเปิดหน้าต่างบางส่วนทิ้งไว้ แต่กลุ่มคนนี้ อาจไม่สามารถสื่อสารทางวาจาถึงความรู้สึกอึดอัดจากความร้อน (หรืออาจไม่ได้ยินภายในรถที่ปิดอยู่) ความทุกข์ร้อนนี้อาจไม่ได้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้าง
ระหว่างปี พ.ศ. 2541 ถึง พ.ศ. 2554 อย่างน้อยเด็ก 500 คนในสหรัฐอเมริกา ถึงแก่ความตายในรถที่มีความร้อนสูง และในจำนวนนี้ 75% มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เมื่ออุณหภูมิภายนอกรถมีเพียง 70 °F (หรือ 21 °C) อุณหภูมิภายในรถอาจสูงเกิน 120 °F (หรือ 49°C) แม้จะเปิดหน้าต่างบางส่วนทิ้งไว้
สถิติที่น่าสนใจในกรณีเด็กตายในรถที่มีความร้อนสูงก็คือ กว่าครึ่งหนึ่งของอุบัติการณ์ เกิดจากความหลงลืมของพ่อแม่ ว่ามีเด็ก [ทารก] อยู่ในรถ อีก 18% เกิดขึ้นหลังจากที่พ่อแม่ตั้งใจให้เด็ก [ทารก] รออยู่ในรถ โดยไม่เข้าใจว่า อุณหภูมิในรถอาจสูงประมาณ 2 เท่า ของอุณหภูมิภายนอกรถ และอีก 30% เกิดจากการที่เด็กปีนเข้าไปเล่นในรถเองโดยพ่อแม่ไม่ทราบ
กลุ่มอาการโรคหลงลืมเด็กทารก (Forgotten baby syndrome: FBS) เป็นศัพท์ “เทียม” ทางการแพทย์ (Pseudo-medical term) สำหรับอันตรายที่ผู้ให้บริการสุขภาพที่เป็นผู้ใหญ่ หลงลืมเด็กทารกภายใต้ความดูแลของตน จนเด็กทารกนั้นได้รับอันตรายในเวลาต่อมา แม้คำว่า “กลุ่มอาการโรค” นี้ จะไม่ใช่อาการทางการแพทย์ (Medical condition) แต่ก็เป็นที่ใช้กันแพร่หลายในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต และสื่อยอดนิยมอื่นๆ
ความเสี่ยงของโรคลมแดด สามารถลดลงได้โดยการเพิ่มความระมัดระวังในการสังเกต เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะร้อนเกินไป (Overheating) และภาวะขาดน้ำ (Dehydration) การสวมเสื้อผ้าที่เบาบางอย่างหลวมๆ จะทำให้เหงื่อที่ออกระเหยไปในอากาศ แล้วร่างกายก็จะเย็นลง การสวมหมวกปีกกว้างสีอ่อนจะช่วยลดความร้อนจัดจากแสงแดดที่มากระทบบริเวณศีรษะและลำคอ พร้อมทั้งปกป้องอันตรายต่อดวงตา หากมีรูระบายอากาศในหมวก ก็จะช่วยให้เหงื่อออกระเหยทำให้ศีรษะเย็นลง
ควรหลีกเลี่ยงการอออกกำลังกายอย่างหักโหม (Strenuous exercise) ระหว่างชั่วโมงที่มีแดดจัดในอากาศร้อน และไม่ควรอยู่ในสภาวะปิด อาทิในรถ เพราะอุณหภูมิภายในรถอาจสูงถึง 200°F (หรือ 93°C) ณ อุณหภูมิภายนอกระดับที่ประจวบเหมาะกับสภาพของแสงแดด สีและชนิดของรถ ในสภาวะดังกล่าว หากไม่มีกลไกทำให้เย็นลงอย่างเหมาะสม ก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะต่อเด็กเล็ก
แหล่งข้อมูล:
- สสจ.สระแก้ว เตือนอากาศร้อนมากระวังเป็นฮีตสโตรก http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000050658 [2012, April 27].
- Heat illness. http://en.wikipedia.org/wiki/Heat_illness [2012, April 27].