อัมพาต 360 องศา: ยาบำรุงสมองป้องกันโรคอัมพาตได้จริงเหรอ

อัมพาต  360 องศา

ทุกคนไม่อยากเป็นโรคสมองหรือโรคอัมพาต แต่ก็อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทุกคน ดังนั้นหลายต่อหลายคนจึงพยายามขวนขวายหาสิ่งต่างๆ ที่จะมาบำรุงสมอง เพื่อให้สมองแข็งแรง จะได้ไม่เป็นโรคอัมพาต คนไข้จำนวนไม่น้อยถือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออาหารเสริมชนิดต่างๆ จำนวนมากมายมาถามผมว่า บำรุงสมองได้หรือไม่ ทานแล้วจะป้องกันอัมพาตได้จริงหรือเปล่า เราลองมาดูกันครับว่ายาบำรุงสมองมีหรือไม่ แล้วมันคือยาอะไร

ยาบำรุงสมองหรือที่ทุกคนหวังว่าการทานผลิตภัณฑ์อะไรบางชนิดเข้าไปแล้วจะช่วยทำให้สมองเราแข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับสมองได้ ต้องขอตอบเลยว่าไม่มีครับ ไม่ว่าจะเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากการศึกษาอย่างเป็นระบบทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ ไม่พบว่ามีการศึกษาใดที่จะแสดงว่ายาหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ทำให้ผู้ที่ทานหรือใช้มีความสามารถของสมอง หรือการฟื้นตัวของสมองที่เสียสภาพไปดีขึ้นกว่าผู้ที่ใช้ยาหลอก

แล้วที่ทานกันอยู่ในปัจจุบันทั้งที่แพทย์สั่งให้ ผู้ป่วยซื้อทานเอง มีคนซื้อมาฝาก ทานแล้วได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เมื่อไม่ได้ประโยชน์แล้วแพทย์สั่งให้ใช้ทำไม จริงแล้วอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นว่าผลการศึกษาไม่มีข้อมูลที่พิสูจน์ว่ามีประโยชน์อย่างชัดเจน ซึ่งเราจะเห็นว่าจะไม่มีการกำหนดให้อยู่ในแนวทางการรักษาของทุกประเทศ

แล้วทำไมแพทย์ถึงสั่งใช้ ด้วยเหตุผลทางการแพทย์เฉพาะบุคคลที่เห็นว่าในการศึกษานั้นเป็นการประเมินในภาพรวมของคนจำนวนมาก แต่ในแต่ละตัวบุคคลอาจพบว่าได้ประโยชน์บ้าง และจากผลการศึกษาก็ไม่พบข้อเสียที่ร้ายแรง ไม่พบการแพ้ จึงสั่งยาให้ถ้าบุคคลนั้นพร้อมที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนนี้เอง เรียกว่าเป็นความรับผิดชอบของแพทย์และผู้ป่วยเฉพาะราย

ถามว่า ผมใช้ยาเหล่านี้กับผู้ป่วยหรือไม่ ผมขอตอบเลยครับว่า ผมเองก็สั่งยาบำรุงสมองในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาที่ใช้กันตามแนวทางปฎิบัติ และผู้ป่วยสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเองได้ เพราะยาเหล่านี้ ไม่สามารถใช้สิทธิ์การรักษาใดๆได้

แล้วในทางปฏิบัติจะแนะนำให้คนทั่วไปปฏิบัติอย่างไร ผมมีข้อเสนอแนะดังนี้ครับ คือ

  1. ยาหรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในภาพรวมไม่ได้ประโยชน์ชัดเจน เปรียบเหมือนกับเครื่องประดับหรือเครื่องปรุงที่ไม่มีก็ได้ หรือการใช้ของแบรนด์เนม กระเป๋าแพงใบละหลายแสน ซึ่งไม่ใช้ก็ได้
  2. การใช้เพื่อป้องกันโรคอัมพาตไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย
  3. การใช้เพื่อการรักษาก็ไม่จำเป็น ให้ยึดตามแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐาน ไม่ต้องกังวลใจว่าไม่ได้ใช้แล้วจะไม่หาย ไม่ต้องพยายามขวนขวายให้มีใช้ ไม่มีใช้ก็ไม่เป็นไร
  4. ถ้าพร้อมที่จะใช้แล้วต้องการใช้ ก็ให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษา ว่าเราพร้อมใช้โดยยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
  5. ไม่แนะนำให้ซื้อมาใช้เอง เพราะที่ซื้อมานั้นไม่ใช่ยา แต่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยิ่งประโยชน์ไม่มีเลยถ้าเทียบกับยาที่ใช้ แถมราคาแพงกว่าด้วย และอาจแพ้ได้บ่อยกว่า มีการตีกันหรือทำปฏิกิริยากับยาที่ทานเป็นประจำได้ด้วย

สุดท้ายผมหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับสิ่งนี้ครับ