อัมพาต 360 องศา: ตอน ยาพลาวิกดีกว่ายาแอสไพริน แล้วทำไมหมอไม่ให้ผมทาน
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 25 กันยายน 2558
- Tweet
การป้องการเป็นซ้ำของโรคอัมพาตสมองขาดเลือดเฉียบพลันจากการตีบของหลอดเลือดสมอง ต้องทานยาต้านเกล็ดเลือดอย่างต่อเนื่อง ยาต้านเกล็ดเลือดที่มีการใช้อยู่ในตอนนี้มี 4 ชนิดหลัก คือ ยาแอสไพริน พลาวิก อะกีน็อกและพลีทอล ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้รับยารักษา คือ ยาแอสไพริน หรือไม่ก็พลาวิก จึงมีข้อสงสัยว่ายาชนิดไหนควรใช้เมื่อใด แล้วทำไมแพทย์ไม่ยอมสั่งให้เราใช้ยาพลาวิก เพราะอ่านจากหนังสือและบทความต่างๆ มาว่า ยาพลาวิกดีกว่ายาแอสไพริน หรือเป็นเพราะว่าเราใช้สิทธิ์การรักษาเป็นบัตรทอง
ยาต้านเกล็ดเลือดที่มีการใช้ในท้องตลาดตอนนี้มี 4 ชนิดดังกล่าวข้างต้น การเลือกใช้ยาต้านเกล็ดเลือดชนิดไหนนั้น มีการกำหนดไว้ในแนวทางการรักษาขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้
- การรักษาผู้ป่วยโรคอัมพาตสมองขาดเลือดจากหลอดเลือดสมองตีบ ยาต้านเกล็ดเลือดที่ต้องใช้เป็นลำดับแรก คือ ยาแอสไพริน แต่ถ้าผู้ป่วยเคยใช้ยาแอสไพรินมาก่อนและเกิดอาการเป็นซ้ำ ต้องปรับเปลี่ยนยา
- ถ้าไม่ได้ผลต่อยาแอสไพรินต้องใช้ยาพลาวิก
- ถ้าไม่ได้ผลต่อการใช้ยาพลาวิกหรือแอสไพลินก็ต้องมีการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด 2 ชนิดร่วมกัน คือ ยาแอสไพรินร่วมกับพลาวิก หรือยาแอสไพรินร่วมกับยาพลีทอล หรือกรณีที่ใช้ยา 2 ชนิดแล้วยังไม่สามารถควบคุมอาการได้อีก
- ก็ต้องใช้ยาต้านเกร็ดเลือด 3 ชนิดร่วมกัน เช่น ยาแอสไพริน ร่วมกับยาพลาวิก ยาพลีทอล หรือยาอะกีน็อกกับยาพลาวิก หรือยาพลีทอล ยาแอสไพรินร่วมกับยาพลาวิก เป็นต้น
มีผู้ป่วยสงสัยต่ออีกว่าแล้วทำไมไม่ใช่ยาพลาวิกตั้งแต่ต้น ทำไมต้องรอว่าไม่ตอบสนองต่อยาแอสไพรินจึงค่อยมาใช้ยาพลาวิก ก็เพราะว่าจากการศึกษาอย่างเป็นระบบทางการแพทย์พบว่ายาพลาวิกไม่ได้มีความคุ้มค่ามากกว่ายาแอสไพริน และไม่มียาต้านเกล็ดเลือดชนิดไหนปัจจุบันที่มีความคุ้มค่าเหมาะสมเทียบเท่ากับยาแอสไพริน
ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้แพทย์ทุกคนทั่วโลก สั่งยาแอสไพรินเพื่อป้องกันการเป็นซ้ำโรคอัมพาตเป็นชนิดแรกก่อนเสมอ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิทธิ์การรักษาตามที่ผู้ป่วยสงสัย