อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก: กิจกรรมกลุ่มผู้ป่วยโรคลมชัก...ที่ตรงนี้ยังมีกำลังใจอยู่

ใครที่ได้มาติดตามการรักษาที่คลินิกโรคลมชัก โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คงจะเคยเห็นประตูด้านซ้ายข้างโต๊ะพยาบาล ที่เปิดเข้าไปในห้องเล็กๆอยู่ข้างห้องตรวจคลินิกโรคลมชัก ที่มีเก้าอี้ และโต๊ะอยู่ไม่กี่ตัว บางครั้งก็ไม่ค่อยพอนั่ง แถมยังมีเสียงอึกทึกดังมาจากห้องตรวจข้างๆซึ่งมีผู้ป่วยเยอะกว่า

ดูท่าทางบรรยากาศไม่เหมาะจะเป็นห้องกิจกรรมกลุ่มที่ช่วยประคับประคองจิตใจคนไข้เอาเสียเลย แต่ห้องแคบๆนี้แหละค่ะที่ทำให้ความคิดความรู้สึกของออยก็เปลี่ยนไป

พี่พยาบาลใจดีประจำคลินิกเคยชวนออยเข้ากลุ่มอยู่หลายครั้ง แต่เนื่องจากติดเรียนจึงไม่ได้มาเข้าสักที แต่ได้พอเข้าครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกดีขึ้นมากๆ ใครที่ยังไม่เคยเข้า อยากให้ลองเข้าสักครั้ง ใครที่เคยเข้าแล้วจะเข้าอีกก็ไม่ว่ากันนะคะ

ครั้งแรกที่มาเข้ากลุ่ม แม้ว่าเสื้อกาวน์สีขาวของออยจะทำให้ดูแตกต่างๆไปจากผู้ป่วยคนอื่นๆ บ้าง แต่ออยก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างกับใครเลย เรานั่งล้อมวงกัน ทุกๆ คนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมนี้อยู่ในฐานะเดียวกันหมด คือ เป็นผู้ป่วยโรคลมชัก พี่พยาบาลให้พวกเราแนะนำตัวทีละคน พร้อมทั้งเล่าอาการของตนเอง ปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ จาการเป็นลมชัก ซึ่งแต่ละคนก็เคยมีประสบการณ์แปลกๆ แตกต่างกันออกไป หรือระบายความรู้สึก ความเครียด ความกังวลใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

มีผู้ป่วยที่เข้ากลุ่มด้วยกันคนหนึ่งได้บอกหนูว่า “ผมเชื่อว่า คุณหมอต้องหายครับ” เชื่อไหมคะว่า จากที่กำลังสิ้นหวัง ท้อแท้ มันเหมือนมีพลังขึ้นมาทันทีเลย

ผู้ป่วยบางคนที่หายจากโรคลมชักแล้วก็ยังมาเข้ากลุ่ม เปรียบเสมือนเป็น “รุ่นพี่” ที่สามารถแนะนำรุ่นน้อง มีน้องคนหนึ่งก็นำคำแนะนำไปปฏิบัติตาม อาการชักก็ควบคุมได้ดีขึ้น

หลังจากที่ได้เข้ากลุ่มครั้งแรก ความรู้สึกเศร้าหมองที่เคยมีมันหายไปไหนหมดไม่รู้ ตอนนี้ออยรู้สึกว่าตนเองไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เหมือนได้มาเจอคนที่เข้าใจความรู้สึกของเราจริงๆ และยังได้รู้จักเพื่อนนักศึกษาที่เป็นโรคลมชัก และมีปัญหาด้านการเรียนเช่นเดียวกัน เราก็ให้กำลังใจกันและกันเสมอ ช่วงนี้ออยไม่ได้ไปเข้ากลุ่ม แต่ถ้าได้เจอกันก็จะทักทาย และติดต่อกันอยู่ตลอด

ออยได้มาเข้ากลุ่มทุกวันจันทร์ที่ออยว่าง ยิ่งได้มาเข้าเท่าไหร่ ก็ได้รับฟังเรื่องราวจากใครหลายๆ คนและได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ป่วยมากมาย บางคนเป็นโรคลมชักมาหลายปี เขาก็ยังมีชีวิตที่มีความสุข ออยเริ่มมองโลกในแง่ดีมากขึ้น เข้าใจในตัวโรคของเรามากขึ้น ทำให้ออยมั่นใจว่าเราก็อยู่กับโรคได้อย่างมีความสุขเช่นกัน และเมื่อออยได้เจอผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่งรู้ว่าตนเองเป็นโรคลมชัก ออยก็เข้าใจว่าเขาคงรู้สึกไม่ต่างจากเราเมื่อตอนที่เราทราบข่าวครั้งแรก ออยก็ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ทั้งของตัวเองและที่ได้จากผู้ป่วยคนอื่นๆ

พอเข้ากลุ่มหลายๆ ครั้ง ออยก็เริ่มคิดกิจกรรมอื่นๆ ให้ผู้ป่วย นอกจากนั่งคุยกันอย่างเดียว บางทีก็ให้วาดรูปบ้าง เขียนความรู้สึกลงไปในกระดาษบ้าง หรือบางทีก็แบกกีต้าร์เข้ามาเล่นในกิจกรรมกลุ่ม ให้ทุกคนร่วมร้องเพลงไปด้วยกัน โดยเลือกเพลงความหมายดีๆ และให้กำลังใจ ดนตรีบำบัดในการผ่อนคลายความรู้สึกเครียด กังวล มีพลังที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป

ถึงทุกวันนี้ออยจะไม่มีเวลาไปเข้ากิจกรรมกลุ่มเหมือนแต่ก่อน แต่ความประทับใจที่ออยได้จากการเข้ากลุ่มทุกครั้งยังอยู่ในใจเสมอ เวลาที่ออยรู้สึกเหงา หรือรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากเพื่อน ออยจะคิดถึงเพื่อนๆ พี่ๆ คุณลุง คุณป้า คุณน้า ที่เคยเข้ากลุ่มด้วยกัน และผู้ป่วยทุกคน ที่ทำให้ออยยังยืนยันที่จะก้าวต่อไป เพื่อที่จะเป็นหมอรักษาผู้ป่วยค่ะ