หูตึงเพราะตัวเอง (ตอนที่ 5)

หูตึงเพราะตัวเอง-5

      

      การสูญเสียการได้ยินในเด็กอาจมีสาเหตุมากจากการมีของเหลวคั่งในหู (Glue ear) โดยอาการของการสูญเสียการได้ยินในเด็ก ได้แก่

  • พูดได้ช้าหรือพูดไม่ชัด
  • ไม่มีการตอบรับเมื่อถูกเรียก
  • พูดเสียงดังมาก
  • ขอให้พูดซ้ำหรือตอบคำถามไม่ตรงประเด็น
  • เปิดเสียงโทรทัศน์ดังมาก

      ส่วนอาการของการสูญเสียการได้ยินในทารก ได้แก่

  • ไม่รู้สึกสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดัง
  • ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
  • รับรู้ได้เมื่อเห็นหน้า แต่ไม่รับรู้ต่อเสียงเรียก
  • ไม่หันไปตามเสียงเรียกเมื่ออายุได้ 4 เดือน
  • ไม่พูดเลียนแบบคำใดเลยแม้จะอายุได้ประมาณ 15 เดือน

      การตรวจการได้ยินมีความสำคัญในการวินิจฉัยความผิดปกติของระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน เนื่องจากความผิดปกตินี้จะมีผลต่อพัฒนาการทางภาษาพูดของเด็ก และยังสามารถบ่งชี้ถึงพยาธิสภาพในหูชั้นนอก หูชั้นกลาง หูชั้นในและประสาทส่วนกลาง ซึ่งการตรวจการได้ยินสำหรับเด็กแรกเกิดมี 2 ชนิด คือ

  • Automated auditory brain response (ABR) - เป็นการวัดสภาพการได้ยินเสียง โดยวัดจากสัญญาณที่เกิดขึ้นขณะได้ยินเสียง ในรูปของสัญญาณไฟฟ้า การกระตุ้นจะใช้เสียงคลิก (เสียงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น) เนื่องด้วยเสียงเดินทางในช่องหู จะเกิดการสะท้อนกลับไปมา ทำให้สัญญาณประสาทไฟฟ้าที่หูเกิดขึ้นในเวลาต่อๆ มา
  • Otoacoustic emissions (OAE) - เป็นการวัดผลการทำงานของโครงสร้างของหูชั้นใน ด้วยการสอดเครื่องมื่อเล็กๆ เข้าในหูทารกเพื่อวัดเสียงสะท้อนที่เกิดจากหูชั้นใน แต่หากไม่มีเสียงสะท้อนในขณะทดสอบ ทารกนั้นอาจมีการสูญเสียการได้ยิน

      ส่วนการตรวจการได้ยินสำหรับคนทั่วไปอาจทำได้โดยวิธี

  • การตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงบริสุทธิ์ (Pure tone audiometry) ในห้องเก็บเสียง ซึ่งนักตรวจการได้ยิน (Audiologist) จะปล่อยเสียงต่างระดับออกมาโดยผ่านหูฟัง และให้ผู้ทดสอบฟังว่าได้ยินเสียงหรือไม่
  • การตรวจการได้ยินโดยใช้คำพูด (Speech audiometry)ในห้องเก็บเสียง ซึ่งนักตรวจการได้ยินจะพูดคำต่างๆ ในระดับเสียงที่ต่างกันไป แล้วให้ผู้ทดสอบพูดตามคำพูดนั้นๆ เพื่อทดสอบว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่
  • การตรวจแรงดันของน้ำในหูชั้นใน (Transtympanic electrocochleography = ECOG)

แหล่งข้อมูล:

  1. Hearing loss. https://www.nhs.uk/conditions/hearing-loss/ [2018, March 22].
  2. Severe Hearing Loss. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/severe-hearing-loss#1 [2018, March 22].