หูดหงอนไก่ ปัญหาของคนร่วมเพศ (ตอนที่ 1)

หูดหงอนไก่ ปัญหาของคนร่วมเพศ

ผศ.พญ.เจนจิต ฉายะจินดา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก เชื้อไวรัสต้นเหตุที่เรียกว่า ฮิวแมนแปปิโลมาไวรัส (HPV) ที่ถ่ายทอดถึงกันได้ง่าย โดยผู้ที่ให้เชื้ออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย และผู้รับเชื้ออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย กว่าจะเกิดอาการนานเป็นปี

ผศ.พญ.เจนจิต กล่าวต่อว่า ร้อยละ 90 ของหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ชนิดความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ เชื้อ HPV ชนิด 6, 11 ซึ่งไม่ทำให้เกิดมะเร็ง

สำหรับ HPV ความเสี่ยงสูง ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง และมะเร็งองคชาติ มะเร็งทวารหนักในผู้ชาย ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18 เป็นหลัก

ปัจจุบันพบว่า หญิงชายวัยเจริญพันธุ์ ร้อยละ 1 มีหูดหงอนไก่ โดยจะพบรอยโรคในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หูดหงอนไก่ไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิต แต่ทำลายความมั่นใจในชีวิตอย่างมาก รวมทั้งต้องเสียเงินและเวลาในการรักษามากมาย และยังพบเกิดซ้ำร้อยละ 30-70 หลังจากหยุดการรักษาไป 6 เดือน

ผศ.พญ.เจนจิต อธิบายว่า อาการของโรคหูดหงอนไก่เป็นได้ตั้งแต่ไม่มีอาการเลย ไปจนถึงมีก้อนโตมากจนอุดกั้นช่องคลอด ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะ บางรายมีเลือดออกจากก้อน คันถึงคันมาก ตกขาวผิดปกติ หรือแม้แต่แสบร้อนที่อวัยวะเพศ

การรักษาทำได้ด้วยการให้ยา โดยแพทย์จะนัดทายาให้ หรือมียาที่แพทย์ให้ผู้ป่วยทาเอง ซึ่งก่อนทายาทุกครั้งผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอ เพราะหลังจากทายาแล้วไม่ควรให้รอยทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยการจี้ไฟฟ้า จี้เย็น และการตัดด้วยใบมีด

ผศ.พญ.เจนจิต อธิบายต่อว่า หูดหงอนไก่ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่ธรรมชาติของการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี อาจติดเชื้อได้หลายสายพันธุ์พร้อมกัน หากติดสายพันธุ์ชนิดความเสี่ยงสูงร่วมด้วย ก็มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งขึ้น

หูดหงอนไก่ที่ขนาดใหญ่ในระหว่างการตั้งครรภ์ อาจขัดขวางการคลอดจนต้องผ่าตัดคลอดได้ และหูดหงอนไก่ยังสามารถเกิดที่คอหอย หลอดลม หรือเส้นเสียงของทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคนี้ได้ ทำให้มีผลต่อการหายใจของทารกจนอาจเสียชีวิตได้

หูดหงอนไก่มีโอกาสเกิดซ้ำได้บ่อยถึงร้อยละ 30-70 ที่ระยะเวลา 6 เดือนหลังสิ้นสุดการรักษา สาเหตุเป็นได้ตั้งแต่ยาไม่มีประสิทธิภาพ การติดเชื้อซ้ำจากคนข้างกาย หรือการเกิดรอยโรคจากเชื้อในร่างกายตนเองที่เพิ่งก่อให้เกิดรอยโรค

ผศ.พญ.เจนจิต แนะนำถึงวิธีการป้องกันว่า วิธีที่ดีที่สุดคือ การไม่มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยตลอดชีวิต อย่างไรก็ดี การสัมผัสอย่างรุนแรงที่อวัยวะเพศภายนอกด้วยวัตถุหรืออวัยวะที่มีเชื้อไวรัสเอชพีวีนี้ ก็ยังคงสามารถทำให้เกิดโรคนี้ได้ แม้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถลดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ดี เพราะเชื้อนี้สามารถกระจายอยู่ได้ทั่วไป ตั้งแต่รอบทวารหนัก ฝีเย็บ หัวเหน่า เป็นต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุมถึง

แหล่งข้อมูล:

  1. "หูดหงอนไก่" ไม่ถึงตาย แต่ (อาจ) ทำลายชีวิตคู่. http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000039928&Keyword=%e2%c3%a4 [2017, May 6].