หมอสมศักดิ์ ตอบ:การพบแพทย์เฉพาะทางในโรงเรียนแพทย์

หมอสมศักดิ์ตอบ-6


      

      การพบแพทย์เฉพาะทางในโรงเรียนแพทย์ช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นมากจริงๆ คนไข้ที่ผมตรวจนั้นบางรายใช้เวลารอคิวตรวจนานเป็นหลายเดือน แล้วอย่างนี้ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมได้อย่างไร ผมมานั่งทบทวนระบบของโรงเรียนแพทย์ที่ผมทำงานอยู่นั้นว่าทำไมถึงได้ใช้เวลารอคิวตรวจนานมาก ก็พบว่าขั้นตอนต่างๆ นั้นเสียเวลาไปกับเรื่องราวเหล่านี้ครับ ลองติดตามดู

      1. ระบบของโรงพยาบาลถ้าผู้ป่วยมาเองเป็นผู้ป่วยใหม่ ต้องตรวจกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่ห้องตรวจทั่วไปก่อน แล้วจึงมาปรึกษาอายุรแพทย์ ต่อจากนั้นอายุรแพทย์จึงนัดปรึกษาคลินิกระบบประสาทที่ไม่สามารถระบุชื่อแพทย์เฉพาะทางได้ เนื่องจากเป็นระบบการเรียนการสอนของคณะแพทย์ คือ อย่างน้อยก็ 2-3 สัปดาห์จึงได้พบอายุรแพทย์ระบบประสาท แต่ถ้าผู้ป่วยมาตรวจในวันที่มีคลินิกเฉพาะทางระบบประสาท อายุรแพทย์ก็สามารถพาผู้ป่วยมาปรึกษาได้เลย ก็จะพบแพทย์พาะทางได้เร็วที่สุดภายในวันนั้น

      2. แต่ถ้าผู้ป่วยรายใดระบุชื่อแพทย์เฉพาะทาง ระบบก็จะส่งนัดคลินิกเฉพาะทางนอกเวลาราชการ ตรงนี้ละครับนานมาก เพราะผู้ป่วยคลินิกนอกเวลาราชการจะมีผู้ป่วยที่นัดไว้ประจำเยอะมาก อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถรับผู้ป่วยรายใหม่ๆ ได้เลย อย่างของผมก็รับผู้ป่วยรายใหม่ได้เพียง 5 รายต่อสัปดาห์เท่านั้น ทำให้คิวการรอพบนั้นนานมากๆ

      3. แต่ระบบของโรงพยาบาลยังมีรายละเอียดอีกครับ ว่าถ้าเป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลต่างๆ แล้วมีการระบุชัดเจนว่าต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสาขาอะไร แล้วมาตรงกับวันที่แพทย์เฉพาะทางสาขานั้นออกตรวจพอดี ก็สามารถเข้าตรวจได้เลย

      ปัญหาที่พบบ่อย คือ ผู้ป่วยไม่ได้มาตรงกับวันที่แพทย์เฉพาะทางออกตรวจ แพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ได้ระบุสาขาแพทย์เฉพาะทางที่ส่งมาปรึกษา เพราะก็ยังไม่ทราบว่าเป็นโรคระบบไหน เป็นต้น เมื่อเป็นแบบนี้ผมเองยังเห็นว่า ถ้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมีระบบให้แพทย์จากโรงพยาบาลชุมชนปรึกษามาล่วงหน้าก่อน เช่น ทาง email หรือกลุ่มไลน์โรงพยาบาล เพื่อลดขั้นตอนการปรึกษาให้รวดเร็วขึ้น เช่น มีการปรึกษามาก่อนด้วยข้อมูลทางการแพทย์ที่เหมาะสม บางกรณีอาจได้รับคำแนะนำที่เพียงพอต่อการวางแผนการรักษาได้เลย อาจไม่ต้องส่งผู้ป่วยมาก็ได้ หรือเมื่อแนะนำเบื้องต้นก็ทำให้ประหยัดเวลาการส่งตรวจต่างๆ เพิ่มเติม เมื่อมาพบแพทย์พาะทางข้อมูลต่างๆ ก็พร้อมแล้วในการให้การวินิจฉัย ผมอยากให้แต่ละโรงพยาบาลมีการสร้างระบบการให้คำปรึกษา และพยายามลดขั้นตอนหรือทำให้ขั้นตอนต่างๆ ที่มีนั้นเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยเองก็อยากให้ไว้ใจระบบบริการด้วยครับ