หมอ(รักษาโรคประสาท) ตอนที่ 6 น้องชายไม่ทำงาน

หมอรักษาโรคประสาท

“คุณหมอครับ ผมมีเรื่องปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ เรื่องซีเรียส (serious) เลยนะครับ คือตั้งแต่ผมมาหาหมอครั้งก่อน แล้วหมอสั่งยาให้ผมทานรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน หลังจากทานยาแล้วอาการปวดศีรษะดีขึ้นมากครับ แต่ว่าน้องชายผมไม่ยอมทำงานเลยครับ” ผมฟังแล้วก็งงแต่ยังไม่กล้าถามรายละเอียด ได้แต่คิดในใจว่า “ทำไมหมอสั่งยารักษาไมเกรนให้ผู้ป่วยทาน แต่ทำไมน้องชายไม่ทำงาน มันเกี่ยวกันตรงไหน หรือว่าน้องชายของผู้ป่วยเอายาไปกินด้วย งงงงงง”

“ไหนลองเล่าให้ละเอียดมากขึ้นหน่อยครับ” ผมพูดกับผู้ป่วย เพื่อให้ได้รายละเอียดมากขึ้น ผู้ป่วยก็เริ่มเล่าให้ฟังว่า ครั้งก่อนโน้นผมเล่าให้คุณหมอฟังว่าผมมีอาการปวดศีรษะไมเกรนมานานแล้ว อาการปวดเริ่มเป็นรุนแรงมากขึ้น สัปดาห์หนึ่งก็เป็นหลายวัน ซื้อยาแก้ปวดศีรษะไมเกรนมาทานเอง ช่วงแรกก็ดีขึ้น แต่ช่วงหลังมานี้เริ่มไม่ดีแล้วครับ ปวดนานมาก บางวันปวดจนต้องหยุดงาน ซึ่งเมื่อผมเล่าเสร็จ คุณหมอก็บอกผมว่าอาการแบบนี้ต้องทานยารักษาไมเกรนด้วย ไม่ใช่ทานเฉพาะยาแก้ปวดไมเกรนเท่านั้น ต้องทานยารักษาไมเกรนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการปวดซ้ำ และอาการปวดถ้ามีก็จะปวดไม่มาก อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ปวดเลย แต่ต้องทานยารักษานานประมาณ 6-9 เดือน

แล้วหมอก็ยังสอบถามผมว่ากลัวอ้วนหรือไม่ ง่วงนอนง่าย หรือนอนหลับยาก สุดท้ายคุณหมอก็บอกว่าอย่างงั้นใช้ยารักษาตัวนี้ดีกว่า ชื่อยาโปรปราโนลอล (propranolol) ให้ผมทาน 1 เม็ด เช้า เย็น แล้วยังบอกผมว่ายาชนิดนี้ไม่ง่วง ไม่อ้วน แต่บางคนทานแล้วอาจหงุดหงิดง่าย ขี้เกียจ แล้วก็อาจเกิดความต้องการทางเพศลดลงหรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวครับ

ผมเข้าใจทันทีเลยครับ ที่ว่าหลังจากทานยารักษาปวดศีรษะไมเกรนแล้ว น้องชายไม่ทำงาน ก็หมายความว่าอวัยวะเพศไม่ยอมแข็งตัว ไม่ใช่น้องชายจริงๆ ของผู้ป่วยไม่ทำงาน เมื่อผมเข้าใจประเด็นที่ผู้ป่วยเล่าให้ฟังแล้ว ผมก็เริ่มอธิบายให้ผู้ป่วยฟังว่า ผลเสียที่เกิดขึ้นนั้นเป็นข้อเสียจากยาชื่อโปรปราโนลอล นั้นเอง ไม่ได้มีอะไรที่ต้องกังวล รับรองว่าถ้าหยุดยาตัวนั้นแล้ว รับรองว่าน้องชายกลับมาขยันเหมือนเดิมแน่นอน

“ผมขออธิบายให้ฟังนะครับ อาการที่คุณบอกหมอนั้นว่าน้องชายไม่ยอมทำงานนั้น เป็นผลเสียจากยาครับ เป็นผลเสียที่เกิดได้ไม่บ่อยครับ แต่ก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งผลเสียนี้จะดีขึ้นเมื่อได้หยุดยาไปประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ผมรับรองว่าน้องชายจะกลับมาขยัน ทำงานได้ดีเหมือนเดิม” เมื่อผู้ป่วยได้ฟัง ก็ยิ้มออกครับ แล้วขอบคุณผมอย่างมาก แต่ก็ยังถามซ้ำอีกครั้งก่อนกลับว่า “ หมอแน่ใจนะครับว่าน้องชายผมจะกลับมาทำงานได้ดี ขยันเหมือนเดิม” ผมเลยตอบไปอย่างมั่นใจว่า “ รับรองครับ มั่นใจได้ 100% ผมเจอมามากแล้วครับ สบายใจได้” ผู้ป่วยเดินอมยิ้มแล้วก็ไปที่ห้องยา เพื่อรับยาป้องกันไมเกรนตัวใหม่แทนยาโปรปราโนลอล

ผมเองเกือบหน้าแตกซะแล้ว เจอผู้ป่วยเล่าแบบนี้ น้องชายไม่ทำงาน ถ้าไม่เอะใจก็หน้าแตกแน่นอน เรื่องนี้สอนผม 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่งการเลือกใช้ยาอะไรก็ตามนอกจากผลของการรักษาแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลเสียของยาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งผลเสียบางอย่างเกิดขึ้นกับแต่ละกลุ่มอายุ แต่ละเพศอาจส่งผลไม่เหมือนกัน ประการที่สองเรื่องผลเสียทางเพศนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง แต่แพทย์เองอาจไม่ค่อยสนใจและผู้ป่วยเองก็ไม่กล้าถามเราตรงๆ ต้องไว้ใจมากๆ จึงกล้าถาม เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลการรักษาได้ผลไม่ดี เพราะเมื่อเกิดผลเสียที่ผู้ป่วยยอมรับไม่ได้ ก็จะไม่ยอมทานยาที่ให้ และก็ไม่มาติดตามการรักษาอีกเลย เพราะกลัวหมอต่อว่าเมื่อไม่ทานยาตามที่หมอสั่ง

น้องชายไม่ทำงาน น้องชายไม่ขยัน นกเขาไม่ขัน 5555555