หมอ (รักษา) โรคประสาท ตอนที่ 32 มีลูกไม่เรียนเก่งบ้างก็ดี

หมอรักษาโรคประสาท

ผมไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนี้เอง แต่เป็นประโยคที่พูดโดยคุณพ่อของหมอท่านหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปดูแลท่าน เรื่องของเรื่องก็คือว่า ผมได้มีโอกาสไปตรวจรักษาคุณพ่อของหมอท่านหนึ่ง สงสัยว่าจะมีอาการของโรคพาร์กินสัน เพราะมีอาการมือสั่น ทำงานได้ช้าลง เดินช้าลง อาการค่อยๆ เป็นมาประมาณ 6 เดือน เมื่อผมไปตรวจดูก็ชัดเจนว่าน่าจะเป็นโรคพาร์กินสันมากที่สุด เมื่อผมตรวจเสร็จผมก็จะอธิบายให้ผู้ป่วยฟัง แต่ด้วยที่ผู้ป่วยมีอายุที่มาก หูไม่ค่อยดี และไม่สามารถจัดยาทานเองได้ ผมจึงต้องอธิบายผ่านทางลูกที่เป็นหมอ แต่ลูกชายที่เป็นหมอไม่อยู่ในขณะนั้น ติดภารกิจดูผู้ป่วยอีกที่หนึ่ง พูดง่ายๆ คือไม่ได้มาเฝ้าคุณพ่อขณะที่เจ็บป่วยมานอนโรงพยาบาล

ผมก็เลยมีโอกาสได้พูดคุยเรื่องอื่นๆ กับผู้ป่วย ก็พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจ คือ ผู้ป่วยนั้นมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นหมอ 3 คน วิศวกร 2 คน แต่ทั้งหมดไม่มีใครได้อยู่กับพ่อแม่เลย ทุกคนมีครอบครัว มีความก้าวหน้าในวิชาชีพ จึงแยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัด พ่อแม่อยู่กัน 2 คน อายุรวมกันก็ 170 ปี มีแม่บ้าน 2 คนคอยดูแล

ผู้ป่วยเล่าให้ผมฟังว่าลูกๆ ดีทุกคน เรียนเก่ง ทำงานดี มีความก้าวหน้าหมดทุกคน พ่อแม่ก็ภูมิใจ แต่พอตอนเจ็บป่วยขึ้นมา ถึงรู้สึกทุกข์ใจ เพราะไม่มีใครเฝ้าไข้ คอยดูแล มีแต่หมอ พยาบาลคนอื่นๆ มาดูแล ที่เสียใจก็เพราะว่ามีลูกเป็นหมอตั้ง 3 คน แต่ไม่มีลูกที่เป็นหมอคนไหนมาเฝ้าเลย แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าลูกๆ นะ เพราะเข้าใจอยู่ว่าเขาก็ยุ่ง มีภาระหน้าที่ทุกๆ คน

ผมฟังแล้วก็นึกย้อนมาที่ตนเอง ก็มีสภาพไม่ต่างกันหรอกครับ ตอนที่พ่อแม่ผมป่วยก็ไม่ได้มีโอกาสดูแลท่านเหมือนกัน แม้กระทั่งวันที่พ่อผมเสีย ผมก็ไม่ได้อยู่กับท่าน เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงไม่อยากให้เกิดแบบนี้เหมือนกัน

ผมก็คุยกับท่านไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย ผู้ป่วยก็บอกผมว่า “ขอบใจนะหมอที่มาคุยกับผม ไม่ให้ผมเบื่อ แล้วหมอมีลูกกี่คน ลุกหมอเรียนอะไรบ้าง ถ้าจะให้ดี อย่าให้ลูกเรียนเก่งทุกคนนะ ให้มีลูกที่เรียนหนังสือไม่เก่งบ้าง มันจะได้อยู่ดูแลเราได้”