หนูไม่อยากไปโรงเรียน (ตอนที่ 1)

หนูไม่อยากไปโรงเรียน-1

      

      

      นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอม ปัญหาสำคัญของพ่อแม่โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ในการพาลูกเข้าโรงเรียนมี 2 ประเภท

      ประเภทแรกที่พบบ่อยคือ เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน โดยเฉพาะเด็กอนุบาลที่มีประมาณ 700,000 คนทั่วประเทศ ที่เพิ่งจะเริ่มไปโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต และประเภทที่ 2 อาจพบในเด็กวัยประถมศึกษาตอนต้นเช่นกัน เนื่องจากปิดเทอมมานานและเคยนอนตื่นสายจนชิน ซึ่งปัญหาการไม่อยากไปโรงเรียนแต่ละช่วงวัยจะแตกต่างกัน

      โดยในเด็กวัยอนุบาลเป็นเรื่องของการแยกจากพ่อแม่ บางคนร้องไห้อยู่ 1-2 วันแรกก็หยุด บางคนอาจร้อง 1-2 สัปดาห์ บางคนร้อง 1-2 เดือน ขึ้นกับพื้นฐานอารมณ์ของเด็กแต่ละคน การปรับตัว วิธีเลี้ยงดู และท่าทีของพ่อแม่

      นอกจากนี้บางคนอาจมีพฤติกรรมถดถอย เช่น ดูดนิ้ว กัดเล็บ งอแง นอนไม่หลับ ปัสสาวะรดที่นอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ หากพ่อแม่ให้ความเข้าใจและช่วยประคับประคอง ลูกก็จะผ่านช่วงนี้ไปได้

      นายแพทย์สมัย กล่าวต่อว่า การเตรียมลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นพัฒนาการของเด็กที่ต้องแยกจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ออกจากสังคมในครอบครัว เพื่อไปเรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ที่โรงเรียนซึ่งจะมีอิทธิพลต่อเด็กมาก

      เด็กจะได้เรียนรู้ทางวิชาการ ฝึกการเขียนอ่าน ได้เล่น ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม และเป็นพัฒนาการของพ่อแม่เองด้วย เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ว่าลูกเป็นอีกปัจเจกบุคคลหนึ่ง ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่จึงต้องให้ความสำคัญ

      นายแพทย์สมัย กล่าวอีกว่า หากมีปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติ 8 ประการ ดังนี้

      1. ไม่ตามใจเด็ก ให้พูดด้วยเหตุผลถึงประโยชน์ของการไปโรงเรียนและยืนยันว่าลูกต้องไปโรงเรียนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ต้องไม่ข่มขู่ บังคับลูก ดุหรือตีลูก

      2. ในระยะแรกอาจต้องไปส่งลูกด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้ลูกมั่นใจ ลดความกังวลต่อการแยกจาก

      3. กอดลูกทุกเช้าก่อนเดินทางไปโรงเรียนหรือก่อนแยกกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูก ให้เด็กเรียนรู้ว่าการแยกกันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เด็กจะมีการเติบโตทางจิตใจมากขึ้น

      4. ควรไปรับลูกให้ตรงเวลาหลังเลิกเรียน ไม่ควรทิ้งให้ลูกรอนานๆ เพราะจะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกเป็นกังวลได้

      5. ชวนลูกพูดคุยถึงเพื่อนและครูที่โรงเรียน เพื่อให้ลูกได้เล่าสิ่งที่พบเจอมาในแต่ละวันให้พ่อแม่ฟัง

      6. สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง เพราะเวลาไปโรงเรียนลูกต้องทำอะไรด้วยตัวเอง จะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกหรือด้อยกว่าเพื่อน

      7. ไม่ควรอยู่เฝ้าลูกที่โรงเรียน เนื่องจากจะส่งผลให้เด็กปรับตัวกับคนอื่นได้ช้า คอยพะวงมองหาพ่อแม่ที่นั่งเฝ้าอยู่

      8. พยายามลดความตึงเครียดของการไปโรงเรียนให้มากที่สุด เช่น เตรียมอุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียนไว้ให้พร้อมล่วงหน้า เพื่อที่จะไม่ต้องเร่งรีบในตอนเช้า เป็นการช่วยลดความเครียดทั้งกับลูกและพ่อแม่ได้ดี

แหล่งข้อมูล:

  1. กรมสุขภาพจิตแนะ วิธีคลายปัญหา “เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน” พ่อแม่มือใหม่ ไม่ควร “ ดุ ข่มขู่ ตี” ไม่นั่งเฝ้าลูก.http://www.prdmh.com/ข่าวสาร/ข่าวแจกกรมสุขภาพจิต/1092-กรมสุขภาพจิตแนะ-วิธีคลายปัญหา-“เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน”-พ่อแม่มือใหม่-ไม่ควร-“-ดุ-ข่มขู่-ตี”-ไม่นั่งเฝ้าลูก.html [2018, June 12].