สแตติน ผู้ช่วยหรือผู้ร้าย

สแตติน ผู้ช่วยหรือผู้ร้าย

ผลการศึกษาใหม่จาก UC San Francisco ได้ระบุว่า ยาสแตติน ที่ใช้ป้องกันโรคในผู้ใหญ่นั้น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้อย่างอาการปวดกล้ามเนื้อและอ่อนแรง หรือการรับรู้ได้น้อยลง

สแตติน (Statins) เป็นยาที่ใช้ลดคลอเรสเตอรอล ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ในตับ (Hydroxy-methylglutaryl-coenzyme) ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการสร้างคลอเรสเตอรอล สแตตินถูกใช้เพื่อป้องกันและรักษาการแข็งตัวของหลอดเลือด (Atherosclerosis) ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart attacks) อาการปวดขาจากการขาดเลือด (Intermittent claudication)

American College of Cardiology และ American Heart Association ได้ระบุว่ามีคน 4 กลุ่มที่อาจได้รับผลดีจากการใช้ยาสแตติน ซึ่งได้แก่

  • คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease) แล้ว อย่างโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart attacks) โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) โรคหลอดเลือดสมองตีบชั่วคราว (Transient ischemic attack = TIA) โรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน (Peripheral Artery Disease)
  • คนที่มีระดับ LDL ที่สูงกว่า 190 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
  • คนที่เป็นโรคเบาหวาน และมีระดับ LDL ระหว่าง 70 – 189 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร โดยเฉพาะผู้มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือด
  • คนที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart attacks) มากว่า 10 ปี

เราอาจคิดว่าเมื่อระดับคลอเรสเตอรอลลดลงแล้วเราสามารถหยุดยาสแตตินได้ แต่ความจริงแล้วเมื่อมีการหยุดยาระดับคลอเรสเตอรอลอาจกลับมาสูงอีก ดังนั้นทางที่ช่วยได้โดยไม่ต้องกินยา คือ การควบคุมดูแลเรื่องอาหารหรือการลดน้ำหนักออกกำลังกาย

สำหรับผลข้างเคียงของยาสแตตินที่พบเป็นประจำ ได้แก่

  • ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้
  • ท้องผูก
  • ท้องเสีย
  • เป็นผื่น

ส่วนผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่อาจเป็นได้ ก็คือ

  • การมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อ อาจทำให้กล้ามเนื้อสลายตัว (Rhabdomyolysis) และปล่อยโปรตีนที่เรียกว่า Myoglobin เข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่ง Myoglobin จะทำลายไตได้
  • ตับถูกทำลาย เพราะสแตตินจะเป็นสาเหตุให้เอนไซม์ในตับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น หากกินยาแล้วมีอาการอ่อนเพลียผิดปกติ ไม่อยากอาหาร ปวดท้อง ปัสสาวะสีคล้ำ (Dark-colored urine) หรือ ผิวเหลือง ตาเหลือง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซี่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 diabetes)
  • ปัญหาเรื่องการรับรู้ เช่น บางคนจำไม่ค่อยได้หรือสับสนภายหลังการใช้ยาสแตติน

ทั้งนี้ หญิงมีครรภ์ไม่ควรใช้ยาสแตตินระหว่างตั้งครรภ์เพราะอาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้

แหล่งข้อมูล

  1. Statin use in elderly would prevent disease but could carry considerable side effects. http://medicalxpress.com/news/2015-04-statin-elderly-disease-considerable-side.html [2015, June 16].
  2. Statins: Are these cholesterol-lowering drugs right for you? http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/high-blood-cholesterol/in-depth/statins/art-20045772 [2015, June 16].
  3. Statins. http://www.medicinenet.com/statins/article.htm [2015, June 16].