สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: ต้อกระจกหรือต้อหิน(กรณีศึกษา)

สาระน่ารู้จากหมอตา

ป้าผินและป้าใบวัย 70 ปีใกล้กัน อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ทั้ง 2 ป้า รู้สึกว่าสายตามัวลง ป้าผินไปรับการตรวจตาแล้วได้รับคำบอกว่าเป็นต้อกระจก หมอไม่สั่งยาหยอดให้ แจ้งว่าต้องรอให้ต้อแก่หรือหนาพอสมควรถึงจะผ่าตัดแก้ไขได้ ส่วนป้าใบไปรับการตรวจตาบ้างและหมอแจ้งว่าเป็นต้อหินให้ยาหยอดตาไปใช้และกำชับให้มาตรวจเมื่อยาใกล้หมด เมื่อใช้ยาไปได้ 1 เดือน สายตายังคงเดิมจึงไปปรึกษาและคุยกับป้าผินซึ่งกลับพบว่าป้าผินดูเหมือนสายตาไม่ลดลงเลย หนำซ้ำมองใกล้เห็นชัดขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ยาหยอดใดๆเลย ป้าใบเข้าใจเอาเองว่าเมื่อทั้ง 2 อยู่ในวัยเดียวกัน ตามัวคล้ายๆกัน จึงเลิกหยอดยาต้อหิน

อีก 1 ปีต่อมา ทั้ง 2 ป้าสายตามัวลงมากแทบจะช่วยตัวเองไม่ได้ ป้าผินไปรับการตรวจตาซ้ำและแพทย์ทำการผ่าตัดต้อกระจกให้ สายตากลับมาเห็นชัดเหมือเดิม ส่วนป้าใบก็ไปรับการตรวจแต่หมอกลับแจ้งว่ารักษาไม่ได้แล้ว ลูกหลานป้าใบโวยวายว่าหมอไม่ยอมผ่าตัดให้ พยายามไปหาหมออีกหลายแห่ง ทุกคนตอบเหมือนกันว่า ประสาทตาถูกทำลายหมดแล้ว ถึงผ่าตัดไปก็ไม่ทำให้เห็นดีขึ้น

ความผิดพลาดอันนี้เกิดจากการเข้าใจผิดว่า ต้อกระจกและต้อหิน เป็นต้อเหมือนกันการรักษาคงจะเหมือนกัน ที่จริงก็คือ ต้อทั้ง 2 พบในผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน แต่ความรุนแรงของโรคต่างกัน หากผู้สูงอายุในบ้านมีความผิดปกติ ตาพร่ามัว เมื่อไปพบหมอแล้ว หมอบอกว่าเป็นต้อ ต้องยืนยันให้แน่ชัดว่าเป็นต้ออะไร ต้อกระจกหรือต้อหิน ไม่ใช่เพียงจำคำว่า “ ต้อ “ อย่างเดียว

ต้อกระจกส่วนมากเกิดจากความเสื่อมของแก้วตา เฉกเช่นความเสื่อมของอวัยวะอื่นๆในร่างกายเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ต้อกระจกจึงเกิดกับผู้สูงอายุเกือบทุกคน ความเสื่อมของแก้วตาซึ่งแต่เดิมใส จะขุ่นมัวอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป เรียกกันว่าเป็นโรคต้อกระจก ในทางปฏิบัติเราควรจะรอให้ต้อกระจกขุ่นมัวถึงระดับที่รบกวนการมองเห็นถึงขั้นขัดขวางการงานหรือภารกิจประจำวัน เรียกกันว่าต้อแก่หรือต้อสุก ค่อยรับการผ่าตัด ต้อกระจกจึงเป็นต้อที่ควรจะรอจนถึงระยะที่เหมาะสม จึงรักษา/ผ่าตัด

ส่วนต้อหิน ตรงกันข้ามไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุทุกคน เป็นผู้สูงอายุบางคนเท่านั้น เกิดจากความเสื่อมของบริเวณที่กรองน้ำในลูกตา (trabecular meshwork) ทำให้น้ำที่ไหลเวียนในลูกตาติดขัด เป็นเหตุให้ความดันตาสูง ทำลายเส้นประสาทตาไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ทำให้ตามัวลงๆ เมื่อเส้นประสาทตาถูกทำลายไปจะสูญเสียการมองเห็นไปเรื่อยๆ เสียไปอย่างที่ไม่สามารถเอากลับคืน ถ้าปล่อยให้มัวลงมาก เส้นประสาทตาก็เสียไปเกือบหมด เป็นเหตุให้แม้มาผ่าตัดทีหลังก็แก้ไขไม่ได้ ซึ่งต่างจากต้อกระจกที่ตามัวลงเพราะเหตุมีแก้วตาที่ขุ่นมัวมาบังแสง แต่เส้นประสาทตายังปกติจึงผ่าตัดแล้วฝังแก้วตาเทียมทำให้มองเห็นชัดได้

*สรุป ต้อทั้งสองจึงแตกต่างกันมาก