สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: การใช้ยาหยอดตาผิดผิด

สาระน่ารู้จากหมอตา

คุณแม่พาบุตรชายวัย 12 ปี มาจากจังหวัดพิษณุโลกเพื่อมารักษาตาที่แดง น้ำตาไหล ขยี้ตาเป็นประจำมา2 – 3 ปี เคยไปรับการตรวจจากหมอตาที่พิษณุโลกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ เมื่อใช้ยาอาการก็หายดีไปชั่วคราว โดยไปพบหมอเพียงครั้งเดียว จากนั้นไปซื้อยาหยอดตาจากร้านขายยาข้างบ้านประจำ ร้านขายยาข้างบ้านเสนอยาหยอดตาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนมากก็ได้ผลดี จึงซื้อยาหยอดมาใช้ประจำ มีเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักบอกถึงยาใหม่ๆ ที่สรรพคุณดีก็หาซื้อมาใช้ จึงเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆ อาการก็ทุเลาทุกครั้งที่ใช้ยา มาวันนี้เข้าใจว่าโรงพยาบาลใน กทม. น่าจะมีการรักษาที่ทันสมัยดีกว่าจึงพามารับการตรวจพร้อมด้วยตัวอย่างยาหยอดตาที่เคยใช้ บางขวดใช้หลายขวดแล้วเพราะได้ผลดี บางขวดใช้ขวดเดียวเพราะได้ผลไม่ค่อยดี ต้องตกใจมากที่เห็นขวดยาต่างๆ หลายชนิดมาก โดยเฉพาะยาหยอดที่มี steroid มักจะใช้หลายขวด

ผลการตรวจตาซึ่งเริ่มจากการตรวจสายตาโดยการดูแผ่นภาพว่าเห็นได้กี่แถว ปรากฏว่าเด็กเห็นแค่แถวเดียวซึ่งมารดาก็บอกว่าเพราะเด็กสายตาสั้นมาได้หลายปีแล้ว ยังไม่อยากให้ใส่แว่นเพราะกลัวลูกจะติดแว่นและสายตาจะสั้นเพิ่มถ้าใช้แว่น พร้อมทั้งแจ้งความจำนงว่าขอให้รักษาอาการระคายเคืองและตาแดง เรื่องสายตาสั้นไม่ต้องตรวจเพราะมีแว่นสายตาอยู่แล้วแต่ไม่ให้ใช้ด้วยเหตุผลข้างต้น

ผลการตรวจพบว่า เด็กมีสายตาสั้นเล็กน้อยเท่านั้น ดูจากความสั้นเด็กควรเห็นมากกว่า 1 แถว เยื่อตาบวมมีลักษณะเข้ากับโรคภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา (allergic conjunctivitis) ที่ร้ายกว่านั้น คือ พบต้อหินโดยมีความดันตาสูงเป็น 30 มม.ปรอท (ค่าปกติไม่เกิน 20 มม.ปรอท) ขั้วประสาทตาบ่งถึงเส้นประสาทตาเสียไปประมาณ 80% เด็กจึงมีลานสายตาที่แคบกว่าปกติ แม้จะให้แว่นแก้สายตาสั้นเต็มที่แล้ว สายตาเด็กยังไม่เท่าปกติเหลือประมาณ 20/70 หรือประมาณ 30% ของคนปกติ นั่นคือ ต้อหินที่เกิดขึ้น ทำลายสายตาบริเวณตรงกลางไปถึง 70% และลานสายตาหายไปถึง 80% ทั้งสายตาและลานสายตาที่เสียไป ไม่อาจแก้ไขให้กลับคืนได้ ปัญหาเด็กคนนี้ทางสายตาประกอบด้วย

  1. สายตาสั้น
  2. มีโรคภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา
  3. ต้อหินจากการใช้ยาหยอดตา

ข้อผิดพลาดหรือความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของมารดา ได้แก่

  1. สายตาสั้น เชื่อว่าถ้าแก้ไขด้วยแว่นตาจะติดแว่นและสายตาจะยิ่งสั้นเพิ่มขึ้น เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง การจะแก้ไขสายตาสั้นด้วยแว่นฯหรือไม่แก้ไขไม่มีผลต่อการทำให้สายตาสั้นเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด การไม่แก้ไขด้วยการใส่แว่นของเด็กรายนี้มีข้อเสีย คือ นอกจากเด็กจะเห็นไม่ชัดแล้ว การใส่แว่นอาจช่วยให้อาการภูมิแพ้ที่เยื่อบุตาดีขึ้น จากการที่ตาได้รับการปกป้องจากฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ อีกทั้งการที่เด็กเริ่มมีสายตามัวจากต้อหินก็ไม่ทราบ เพราะเข้าใจว่าตามัวจากสายตาสั้น ทำให้ตรวจพบหรือมาตรวจช้าเกินไป
  2. การใช้ยาหยอดยารักษาโรคภูมิแพ้โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือซื้อยาใช้เอง เข้าทำนองใช้ยาหยอดตารักษาโรคที่ไม่ร้ายแรงก่อให้เกิดโรคที่ร้ายแรง ยาหยอดตาที่แก้อาการแพ้ได้ดี มักจะมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงมากกว่า ยาหยอดตาที่ได้ผลไม่สู้ดี โดยสรุปของทุกคนที่จะใช้ยาหยอดตาทุกครั้งควรจะต้อง
  3. 2.1 ตรวจสอบว่าเป็นยาหยอดตา อย่าใช้ยาหยอดหู ยาหยอดจมูก ยาใช้ดม สูด มาหยอดตา

    2.2 ยาหยอดตา ควรเป็นของเฉพาะตัวผู้ป่วย ดูชื่อให้ชัดเจนว่าเป็นยาของเรา อย่าใช้ยาของผู้อื่นโดยอาศัยความรู้สึกว่า อาการคล้ายๆกัน หยอดให้ถูกข้าง โรคบางชนิดให้หยอดข้างเดียวก็ไม่ควรใช้ในตาอีกข้าง

    2.3 ตรวจสอบที่ข้างขวดถึงวันผลิตและวันหมดอายุ ใช้เฉพาะตามวันที่กำหนดที่ข้างขวด

    2.4 ยาหยอดตาทั่วไปเมื่อเปิดขวดแล้วใช้ได้ภายใน 1 เดือน หากเกินกว่านี้ไม่ควรนำมาใช้อีกเพราะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคขณะเปิดขวดหรือขณะหยอดตา

    2.5 อ่านเอกสารกำกับยาว่าควรเก็บยาในที่อุณหภูมิใด ยาบางชนิดควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อคงประสิทธิภาพของยา อ่านรายละเอียดของผลข้างเคียง ข้อแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้อง

    2.6 ยาหยอดตาในกลุ่มที่มี steroid เป็นเสมือนยาครอบจักรวาล รักษาได้หลายโรคก็จริง แต่มีผลเสียตามมามากมาย ควรสอบถามหมอถึงขอบเขตระยะเวลาที่ควรใช้ มีข้อสังเกตว่ายาหยอดตากลุ่มนี้มักจะมีคำว่า dex, pred อยู่ในชื่อยา ซึ่งมาจากคำว่า dexamethasone, prednisolone , นั่นเอง ยาในกลุ่มนี้จึงควรใช้เฉพาะที่หมอสั่งเท่านั้น อย่าได้นำตัวอย่างไปซื้อหามาหยอดเอง