สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: มะเร็งจอตา

สาระน่ารู้จากหมอตา

คุณแม่พาลูกสาววัย 3 ขวบมาปรึกษาด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า เนื่องจากพึ่งไปรับการตรวจจากหมอข้างบ้านว่า ลูกน้อยมีระเร็งจอตาในตาข้างขวา จึงตระเวนพาลูกไปตรวจอีกหลายหมอว่าจะมีความเห็นตรงกันหรือไม่ เด็กน้อยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เหมือนเด็กที่ป่วยแต่อย่างไร มารดาให้ประวัติว่า ลูกมีน้ำหนักแรกเกิดปกติ คลอดปกติ แข็งแรงดี ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามระยะเวลาที่หมอนัดครบถ้วน เด็กมีพัฒนาการที่ปกติ พูดจารู้เรื่อง เมื่อปีที่แล้ว แม่สังเกตว่าตาขวามีเงาวาว ๆ พิกลในเวลากลางคืน แต่กลางวันก็ดูปกติดี และไม่ได้สงสัยอะไร จนเมื่อวันก่อนไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนจะเข้าเรียน โดยไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด หมอเด็กตรวจร่างกายทั่วไป ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เห็นว่าตาขวา รูม่านตามีปฏิกิริยาต่อแสงน้อยกว่าปกติ จึงแนะนำไปพบหมอตา และได้ไปตรวจกับหมอตาวันก่อน จึงพบว่าเด็กน่าจะมีเนื้อร้ายของจอตาในตาขวา หมอตาข้างบ้านแนะนำไปหาหมอท่านอื่นดูความเห็นหลาย ๆ ท่าน

จากการตรวจตาอย่างละเอียด พบว่า ภายในลูกตาขวาของเด็กเต็มไปด้วยก้อนเนื้อร้ายสีขาว จึงสะท้อนออกมาทางรูม่านตาเห็นเป็นตาวาว ดังคำฝรั่งที่พูดว่า “amaurotic cat eye” หมายถึง ตาที่บอดและวาวเหมือนตาแมว อันที่จริงคุณแม่ให้ประวัติว่า สังเกตเห็นตาวาวในบางครั้งโดยเฉพาะเวลากลางคืนมานานแล้ว แต่ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง จึงเพิกเฉยไปเป็นเวลาประมาณ 1 ปี จึงทำให้เป็นก้อนเนื้อร้ายขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นตาวาวตลอดเวลา

มะเร็งจอตาเป็นเนื้อร้ายที่อันตรายมากที่พบบ่อยในเด็ก รองลงมาจากมะเร็งเม็ดเลือด และเนื้องอกในสมอง เป็นเนื้อร้ายที่เกิดจากจอตาซึ่งบุอยู่ภายในลูกตา จึงมองไม่เห็นหรือคลำไม่ได้ เนื้อร้ายกินบริเวณกว้างหรือเป็นตรงกลางจอตา ทำให้ตามัวลงก็จริง เด็กก็จะบอกเราไม่ได้ การที่เราเห็นตาวาวในเวลากลางคืนในบางมุม ก็แสดงว่าเนื้องอกพอประมาณแล้ว ยิ่งถ้าเห็นตาวาวตลอดไม่ว่ามุมไหน ยิ่งแสดงว่าก้อนใหญ่เกือบครอบคลุมทั่วจอตาแล้ว ซึ่งแสดงว่าตาข้างนั้นน่าจะบอดแล้ว ในกรณีนี้ผลการตรวจพบว่าก้อนเนื้อกินเข้ามาเกือบถึงแก้วตาข้างที่เป็น และน่าจะมองไม่เห็นแล้ว

มะเร็งจอตาเป็นเนื้อร้ายที่แปลกกว่าอย่างอื่นในหลายอย่าง เช่น

  1. อาจเป็นตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะบางรายคลอดออกมาก็พบก้อนเนื้อแล้ว
  2. เป็นมะเร็งที่พิสูจน์แน่ชัดว่า ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบปมเด่น (autosomal dominant) แต่ก็มีที่เป็น gene mutation
  3. อาจพบเป็นหลายก้อนในตาข้างเดียว หรือเป็นตาทั้ง 2 ข้าง หรือ 3 ข้าง (ถือว่า pineal gland ในสมองที่เป็นตาที่ 3 ซึ่งฝ่อไปไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น) ในเวลาพร้อม ๆ กัน โดยไม่ใช่เนื้อกระจายจากตาหนึ่งไปอีกตาหนึ่ง มะเร็งอย่างอื่นมักเป็นที่เดียวจากที่ต้นกำเนิด กระจายตามกระแสเลือดหรือน้ำเหลืองไปบริเวณอื่น
  4. ผู้ป่วยมีแนวโน้มจะมีมะเร็งหรือเนื้อร้ายชนิดที่ 2 เช่น ในกรณีที่รักษามะเร็งจอตาได้ทัน อาจพบมะเร็งกระดูกในที่อื่นเมื่อผู้ป่วยโตขึ้น
  5. มีอุบติการณ์หายได้เอง (spontaneous regression) มากกว่ามะเร็งชนิดอื่น โดยตรวจพบพ่อหรือแม่ของเด็กที่เป็นบางราย จอตามีรอยฝ่อไปของก้อนเนื้อ ฯลฯ

สำหรับผู้ป่วยรายนี้ เนื่องจากก้อนเนื้อเต็มลูกตาแล้ว ตาข้างนั้นมองไม่เห็นแล้ว การรักษาที่เหมาะสมคือ การผ่าตัดเอาตาออก (ถ้าก้อนขนาดเล็กในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเอาออก) ซึ่งเมื่อแนะนำให้แล้ว แน่นอนผู้ปกครองปฏิเสธการักษา เนื่องจากมีญาติตั้งรกรากอยู่สหรัฐอเมริกา จึงขอไปรักษาที่อเมริกา โดยเขียนรายละเอียดผลการตรวจตาให้ หนึ่งปีต่อมา แม่พาเด็กมาพบอีกครั้ง พร้อมจดหมายจากแพทย์ที่อเมริกาแจ้งถึงผลการักษา โดยได้ผ่าตัดตาออกแล้วและแนะนำมารับการตรวจเป็นระยะ โดยดูตาข้างที่เหลือเป็นระยะจนกว่าเด็กจะอายุประมาณ 10 ปี ขึ้นไป ถึงจะแน่ใจว่าอีกข้างไม่เป็น

มะเร็งจอตา เป็นเนื้อร้ายที่ร้ายแรง การตรวจพบตั้งแต่ต้นอาจช่วยทั้งชีวิตและสายตาได้ หากพบแววตาประหลาดในเด็ก ควรปรึกษาหมอ/จักษุแพทย์ทันที แม้เด็กจะไม่มีอาการอื่นอะไรเลยก็ตาม