สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: อัมพาตใบหน้าเบลล์ (Bell’s palsy)

สาระน่ารู้จากหมอตา

อัมพาตใบหน้าเบลล์(Bell’ s palsy) เป็นภาวะอัมพาตของใบหน้า ที่มักจะเกิดครึ่งหน้า ส่วนน้อยเป็นทั้ง 2 ด้าน จากความผิดปกติของเส้นประสาทคู่ที่ 7 บริเวณปลายประสาทที่เรียกว่า peripherol lesion เส้นประสาทคู่ที่ 7 อาจเกิดมีความผิดปกติได้ที่สมอง (supranuclear) ที่ nucleous ของเส้นประสาท (nuclear) หรือส่วนปลาย (peripheral)

ภาวะอัมพาต Bell เป็นความผิดปกติส่วนปลายที่ไม่รู้สาเหตุ ถูกเรียกตามชื่อของนักกายวิภาคชาว Scott ชื่อ Charle Bell ที่รายงานภาวะโรคนี้เมื่อปี ค.ศ. 1821 พบได้มากกว่า 80% ของภาวะอัมพาตของเส้นประสาทคู่ที่ 7 กล่าวคือ กว่าร้อยละ 80 ของอัมพาตเส้นประสาทคู่ที่ 7 เป็นภาวะ อัมพาต Bell

ภาวะอัมพาต Bell เกิดได้ทั้งหญิงและชายในบุคคลทั่วไป แต่มีรายงานพบมากในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและหญิงมีครรภ์ เป็นคนละโรคกับอัมพาตจากหลอดเลือดอุดตันในสมอง หลายๆ คนพอเกิดภาวะนี้ตกใจเกรงจะเป็นอัมพาตของร่างกาย ในความเป็นจริงไม่เกี่ยวข้องกันเลย ภาวะนี้ถือว่าไม่อันตราย

ผู้ป่วยภาวะนี้มักจะเกิดอาการอย่างฉับพลันภายใน 2 – 3 วัน เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าซีกเดียว อาจพบว่าผู้ป่วยรู้สึกแสบตา เพราะเริ่มด้วยปิดตาไม่สนิท ตาแห้ง ตามด้วยทานอาหารหรือดื่มน้ำ น้ำลายไหลออกทางมุมปาก ตามด้วยปากเบี้ยว ยิ้มไม่ออก เห็นชัดเวลาพูดหรือยิ้มได้ข้างเดียว มีอัมภาตของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยประสาทคู่ที่ 7 โดยมีอาการหลับตาไม่สนิท ตาแห้งหรือบางรายน้ำตาไหล น้ำลายไหล ลิ้นไม่รู้รส ปากเบี้ยว ปากห้อย คิ้วตก ได้ยินเสียงดังกว่าปกติ มีเสียงดังในหู บางคนอาจรู้สึกคล้ายๆ หน้าบวม ชาๆ แต่ทดสอบแล้วประสาทรับความรู้สึกยังปกติดี แต่ที่รู้สึกบวมๆ และชาเป็นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่ทำงาน เลือดมาคั่งมากกว่าปกติจึงกระตุ้นเซลล์ประสาทความรู้สึกผิดปกติ

ส่วนมากเชื่อกันว่า ไม่มีสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ บ้างก็ว่าเกิดจากเส้นประสาทที่ 7 ขณะผ่านบริเวณโพรงกระดูกใต้หู โพรงกระดูกบริเวณนี้แคบมากไปกดเส้นประสาทเส้นนี้ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ตามด้วยอัมพาต บ้างก็ว่าอาจเป็น reactivation ของเชื้อ Herpes ที่มีอยู่ในร่างกายคนนั้นจากอุบัติเหตุ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ตลอดจน ความผิดปกติทาง metabolism หรือทางอารมณ์

อาการทั้งหมดจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ ส่วนมากจะหายสนิทใน 3 – 7 เดือน บางรายอาจต้องให้ยา steroid เพื่อลดการอักเสบ โดยทั่วไป เนื่องจากตาหลับไม่สนิท ตาแห้ง ควรระมัดระวังผลที่อาจตามมา คือการอักเสบของกระจกตา ควรใช้น้ำตาทียมช่วย ป้ายขี้ผึ้ง ก่อนนอนปกป้องกระจกตาจนกว่าตาจะกระพริบได้ปกติ และหลับตาได้สนิท

ผลแทรกซ้อนที่อาจตามมา

  1. บางรายอาจมีใบหน้ากระตุก ทำให้ตาตี่และปากเบี้ยวเป็นเวลานาน ทำให้เสียบุคลิก โดยเฉพาะในขณะมีความกังวล
  2. เส้นประสาทที่อัมพาตงอกใหม่ผิดทิศทาง ทำให้ขณะพูดหรือยิ้มตาจะปิด
  3. มีอาการแสบตา ตาแห้งตามมาอีกนาน ต้องใช้น้ำตาเทียมช่วย
  4. การงอกผิดทิศทางของเส้นประสาทไปยังต่อมน้ำตา จะเกิดภาวะที่เรียกกันว่า น้ำตาจระเข้ (crocodile tear) กล่าวกันว่าพบได้ 6% โดยเวลารับประทานอาหารหรือหิว น้ำตาจะไหลคล้ายจระเข้ที่กินเหยื่อ จะมีน้ำตาไหลออกมา กล่าวกันว่าภาวะนี้อาจค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ
  5. มีเสียงดังในหู ขณะพูดหรือยิ้ม
  6. แผลอักเสบที่กระจกตา ภาวะตาแห้ง และตาหลับไม่สนิท