สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: อัมพาตใบหน้าเบลล์ (Bell’s palsy)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 15 มกราคม 2558
- Tweet
อัมพาตใบหน้าเบลล์(Bell’ s palsy) เป็นภาวะอัมพาตของใบหน้า ที่มักจะเกิดครึ่งหน้า ส่วนน้อยเป็นทั้ง 2 ด้าน จากความผิดปกติของเส้นประสาทคู่ที่ 7 บริเวณปลายประสาทที่เรียกว่า peripherol lesion เส้นประสาทคู่ที่ 7 อาจเกิดมีความผิดปกติได้ที่สมอง (supranuclear) ที่ nucleous ของเส้นประสาท (nuclear) หรือส่วนปลาย (peripheral)
ภาวะอัมพาต Bell เป็นความผิดปกติส่วนปลายที่ไม่รู้สาเหตุ ถูกเรียกตามชื่อของนักกายวิภาคชาว Scott ชื่อ Charle Bell ที่รายงานภาวะโรคนี้เมื่อปี ค.ศ. 1821 พบได้มากกว่า 80% ของภาวะอัมพาตของเส้นประสาทคู่ที่ 7 กล่าวคือ กว่าร้อยละ 80 ของอัมพาตเส้นประสาทคู่ที่ 7 เป็นภาวะ อัมพาต Bell
ภาวะอัมพาต Bell เกิดได้ทั้งหญิงและชายในบุคคลทั่วไป แต่มีรายงานพบมากในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและหญิงมีครรภ์ เป็นคนละโรคกับอัมพาตจากหลอดเลือดอุดตันในสมอง หลายๆ คนพอเกิดภาวะนี้ตกใจเกรงจะเป็นอัมพาตของร่างกาย ในความเป็นจริงไม่เกี่ยวข้องกันเลย ภาวะนี้ถือว่าไม่อันตราย
ผู้ป่วยภาวะนี้มักจะเกิดอาการอย่างฉับพลันภายใน 2 – 3 วัน เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าซีกเดียว อาจพบว่าผู้ป่วยรู้สึกแสบตา เพราะเริ่มด้วยปิดตาไม่สนิท ตาแห้ง ตามด้วยทานอาหารหรือดื่มน้ำ น้ำลายไหลออกทางมุมปาก ตามด้วยปากเบี้ยว ยิ้มไม่ออก เห็นชัดเวลาพูดหรือยิ้มได้ข้างเดียว มีอัมภาตของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยประสาทคู่ที่ 7 โดยมีอาการหลับตาไม่สนิท ตาแห้งหรือบางรายน้ำตาไหล น้ำลายไหล ลิ้นไม่รู้รส ปากเบี้ยว ปากห้อย คิ้วตก ได้ยินเสียงดังกว่าปกติ มีเสียงดังในหู บางคนอาจรู้สึกคล้ายๆ หน้าบวม ชาๆ แต่ทดสอบแล้วประสาทรับความรู้สึกยังปกติดี แต่ที่รู้สึกบวมๆ และชาเป็นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่ทำงาน เลือดมาคั่งมากกว่าปกติจึงกระตุ้นเซลล์ประสาทความรู้สึกผิดปกติ
ส่วนมากเชื่อกันว่า ไม่มีสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ บ้างก็ว่าเกิดจากเส้นประสาทที่ 7 ขณะผ่านบริเวณโพรงกระดูกใต้หู โพรงกระดูกบริเวณนี้แคบมากไปกดเส้นประสาทเส้นนี้ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ตามด้วยอัมพาต บ้างก็ว่าอาจเป็น reactivation ของเชื้อ Herpes ที่มีอยู่ในร่างกายคนนั้นจากอุบัติเหตุ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ตลอดจน ความผิดปกติทาง metabolism หรือทางอารมณ์
อาการทั้งหมดจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ ส่วนมากจะหายสนิทใน 3 – 7 เดือน บางรายอาจต้องให้ยา steroid เพื่อลดการอักเสบ โดยทั่วไป เนื่องจากตาหลับไม่สนิท ตาแห้ง ควรระมัดระวังผลที่อาจตามมา คือการอักเสบของกระจกตา ควรใช้น้ำตาทียมช่วย ป้ายขี้ผึ้ง ก่อนนอนปกป้องกระจกตาจนกว่าตาจะกระพริบได้ปกติ และหลับตาได้สนิท
ผลแทรกซ้อนที่อาจตามมา
- บางรายอาจมีใบหน้ากระตุก ทำให้ตาตี่และปากเบี้ยวเป็นเวลานาน ทำให้เสียบุคลิก โดยเฉพาะในขณะมีความกังวล
- เส้นประสาทที่อัมพาตงอกใหม่ผิดทิศทาง ทำให้ขณะพูดหรือยิ้มตาจะปิด
- มีอาการแสบตา ตาแห้งตามมาอีกนาน ต้องใช้น้ำตาเทียมช่วย
- การงอกผิดทิศทางของเส้นประสาทไปยังต่อมน้ำตา จะเกิดภาวะที่เรียกกันว่า น้ำตาจระเข้ (crocodile tear) กล่าวกันว่าพบได้ 6% โดยเวลารับประทานอาหารหรือหิว น้ำตาจะไหลคล้ายจระเข้ที่กินเหยื่อ จะมีน้ำตาไหลออกมา กล่าวกันว่าภาวะนี้อาจค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ
- มีเสียงดังในหู ขณะพูดหรือยิ้ม
- แผลอักเสบที่กระจกตา ภาวะตาแห้ง และตาหลับไม่สนิท