สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน : เรื่องของสายตา

สายตา จะตรงกับภาษอังกฤษคำว่า vision ซึ่งหมายถึงทั้งสายตาที่เห็นส่วนตรงกลาง (central vision) และสายตาที่เห็น

สายตาบริเวณตรงกลางจะคมชัดที่สุด ใช้จอตาส่วนที่มีเซลล์รับรู้การเห็นด้านข้างๆ หรือรอบนอกหรือขอบๆ (peripheral vision) หนาแน่นที่สุดที่เรียกว่า fovea เรียกสายตาตรงกลางนี้ว่า visual acuity (VA) เป็นสายตาที่เราใช้มองวัตถุข้างหน้า อ่านหนังสือ ทำงาน ขับรถ ซึ่งวัดได้จากการตรวจอ่านตัวเลขที่อยู่ข้างหน้าที่เรียก Snellen chart ส่วน peripheral vision เป็นสายตาประกอบของคนเราให้เห็นภาพข้างๆ เวลามองไปข้างหน้า หรือเดินไปข้างหน้า ยังพอเห็นวัตถุข้างๆ จะได้ไม่ไปกระทบเข้า ส่วนนี้ต้องวัดจากเครื่องตรวจลานสายตา (perimeter)

โรคบางโรคอาจทำให้สูญเสียหรือลดลงของสายตาตรงกลาง เรียกว่ามี VA ลดลง เช่น ต้อกระจก แผลที่ตาดำ สายตาผิดปกติ เป็นต้น ในขณะที่โรคบางโรคอาจมีผลต่อลานสายตา เช่น ต้อหิน เนื้องอกสมอง จอตาหลุดลอก เป็นต้น ทำให้ลานสายตาบางส่วนหายไป ดังนั้น คนบางคนที่เป็นโรคต้อหินอาจมีสายตาตรงกลางหรือ VA ปกติ แต่ลานสายตาเสียหมด ก็ถือว่าตาบอดได้

หน่วยของ VA ที่ใช้กันอยู่มีระบบเมตริกและอังกฤษเป็นตัวเลข 2 กลุ่ม เช่น

-ระบบเมตริก เป็น 6/6, หรือ 6/12 ซึ่งตีความหมายได้ในกรณี 6/6 หมายความว่า เมื่อมีวัตถุขนาดหนึ่งวางอยู่ห่างจากตัวเราไป คนปกติยืนห่างที่ 6 เมตร จะเห็นวัตถุนั้นได้ และผู้นั้นก็จะเห็นวัตถุนั้นที่ระยะ 6 เมตรเช่นกัน นั่นคือ สายตาปกติ ถ้าเป็นสายตา 6/12 หมายความว่า มีวัตถุขนาดหนึ่ง คนปกติมองเห็นได้ที่ระยะ 12 เมตร แต่ผู้นั้นที่ระยะ 12 เมตร มองไม่เห็น ต้องเลื่อนวัตถุนั้นมาอยู่ที่ 6 เมตร แสดงว่าผู้นี้สายตาไม่ปกติ โดยตัวเลขที่เป็นเศษเป็นระยะที่ผู้นั้นเห็นวัตถุ ส่วนตัวเลขที่เป็นส่วนเป็นระยะที่คนปกติมองเห็น

-ระบบอังกฤษก็เช่นกัน ตัวเลขที่เป็นเศษเป็นระยะที่ผู้นั้นมองเห็น ตัวเลขที่เป็นส่วนเป็นระยะที่คนปกติมองเห็นแต่ใช้ระยะทางเป็นฟุต จึงอาจเป็น 20/40 แสดงว่าคนสายตา 20/40 เห็นวัตถุที่ 20 ฟุต ในขณะที่คนปกติสามารถเห็นได้ที่ 40 ฟุต

ส่วนหน่วยของลานสายตา การวัดลานสายตาไม่มีหน่วย ในปัจจุบันใช้ คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย ต้องใช้อธิบายด้วยแผ่นภาพจากการตรวจจึงจะได้รู้ว่าลานสายตาบริเวณใดขาดหายไป เช่น ด้านบน ด้านล่าง หรือซ้าย ขวา เป็นต้น