สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน 30: ยาหยอดตาแก้โรคภูมิแพ้เยื่อบุตา

ภาวะเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้พบได้บ่อยในเด็ก โดยที่เด็กกลุ่มนี้มักมีโรคภูมิแพ้ที่อื่นในร่างกายด้วย อาจมีประวัติเป็นโรคหืด น้ำมูกไหลจากภูมิแพ้ทางจมูก ตลอดจนมีผื่นคันตามผิวหนัง อาการของเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ที่สำคัญคือ อาการคันตา ตาแดง เป็นๆ หายๆ อาจจะเป็นช่วงๆ บางคนอาจเป็นหน้าฝน เป็นต้น บางรายอาจมีอาการน้ำตาไหล แสบตา เคืองตา และตาสู้แสงไม่ได้ร่วมด้วยในเวลาต่อมา

อาการต่างๆ เกิดจากปฏิกิริยาของสารก่อภูมิแพ้ (allergen) กับสารต้านภูมิแพ้ (antibody) ที่มีอยู่ใน Mast cell ในเยื่อบุตา การรักษาภาวะนี้คงต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ อาจจะเป็นเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง ตัวไร ขนสัตว์ ตลอดจนอาหารบางชนิด โดยเฉพาะอาหารทะเล อย่างไรก็ตาม บางรายอาจจะยากที่จะหลีกเลี่ยงสารดังกล่าว หรือบางรายก็ไม่ทราบชัดว่าแพ้สารอะไร การรักษาอาการจึงต้องพึ่งยา ในรายที่เป็นมากโดยเฉพาะมีภาวะอื่นร่วมด้วยอาจใช้ยาต้านภูมิแพ้ (antihistamine) ชนิดรับประทานร่วมด้วย ส่วนยาที่ใช้หยอดตาควรพิจารณาตามลำดับดังนี้

  1. น้ำตาเทียม ที่ดีควรเป็นน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย/สารกันบูด ซึ่งใช้วันต่อวัน เชื่อว่าน้ำตาเทียมอาจช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ออกไป ลดอาการต่างๆ ลงได้ ได้ผลในผู้ที่มีอาการน้อยๆ
  2. ยาหยอดตาประเภทต้าน histamine และหดหลอดเลือด ได้แก่ ยาหยอดตาที่มีสารประเภท Naphazoline หรือ Pheniramine และ Antazoline ยาในกลุ่มนี้ค่อนข้างปลอดภัยที่จะใช้ในระยะยาว
  3. ยาในกลุ่มที่เรียกว่า Mast cell stabilizer ได้แก่ตัวยา Cromolyn และ lodoxamide
  4. ยาในกลุ่มยาต้าน H1 – receptor ได้แก่ ตัวยา Emedastine หรือ levocabastine
  5. ยาหยอดที่มีตัวยาในกลุ่ม 3 และ 4 รวมกัน ซึ่งมีใช้อยู่มากในเวลานี้ ได้แก่ ยาที่ชื่อทางการค้า Patanol , zaditen , Relestat เป็นต้น
  6. ยาในกลุ่ม Nonsteroidal anti – inflammatory (NSAID) เช่น Ketorolac
  7. ยาหยอดในกลุ่ม steroid เป็นกลุ่มที่จะใช้เป็นตัวสุดท้าย เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก เหตุด้วยภาวะภูมิแพ้นี้ต้องใช้ยาในระยะยาว และควรเลือกใช้ steroid ที่มีผลข้างเคียงน้อยตามลำดับ ได้แก่ ยาหยอดในกลุ่ม Meclrysone , Fluorometholone , dexamethazone , Prednisolone เป็นต้น

ข้อควรระวัง

เมื่อมีอาการผิดปกติทางตา รวมทั้งในกรณีนี้ด้วย ควรปรึกษาหมอตา/จักษุแพทย์เสมอ ไม่ควรดูแลรักษาตัวเอง