วิกฤติเชื้อดื้อยา (ตอนที่ 2)

วิกฤติเชื้อดื้อยา

ทำให้ประชาชนมีความเชื่อที่ผิดว่าโรคเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ยาต้านแบคทีเรียหรือยาแก้อักเสบ สยส. จึงรณรงค์ให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องว่า การใช้ยาปฏิชีวนะหรือที่เรียกกันอย่างผิดๆ ว่า ยาแก้อักเสบในโรคติดเชื้อไวรัส ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่โทษ และเน้นรณรงค์เพื่อแก้ไขความเชื่อที่ผิด

รศ.ดร.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ขอเสนอให้เร่งรัดการเพิกถอนทะเบียนตำรับยา รูปแบบยา และข้อบ่งใช้ที่ไม่เหมาะสมต่างๆ เช่น

ยาอมผสมยาต้านแบคทีเรียเพราะไม่ได้ผลในการรักษาและทำให้เชื้อดื้อยาต้านแบคทีเรีย ยกเลิกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทสบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน เจลล้างมือที่ผสมสารเคมีฆ่าเชื้อ ได้แก่ ไตรโคลซาน และสารอื่นๆ อีก 18 ชนิด ที่มีรายงานวิจัยยืนยันแล้วว่าสารเหล่านั้น ทำให้เชื้อดื้อยาต้านแบคทีเรียเมื่อใช้เป็นเวลานาน ซึ่งองค์การอาหารและยา (FDA) แห่งสหรัฐอเมริกาได้มีการยกเลิกการใช้ไปแล้ว

นอกจากนี้ เครือข่ายผู้บริโภคขอเรียกร้องให้รัฐมีการควบคุมการใช้ยาต้านแบคทีเรียในปศุสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการเกษตร ให้ใช้ยาได้เฉพาะการรักษาโรคเท่านั้น ห้ามใช้เพื่อการป้องกันและเร่งการเจริญเติบโต และห้ามการปล่อยน้ำเสียจากการเลี้ยงสัตว์ลงสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่มีการบำบัด

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย การดื้อยาปฏิชีวนะ (Antibiotic resistance) เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียมีการเปลี่ยนแปลงต่อการตอบสนองการใช้ยา ทำให้ยาใช้ไม่ได้ผล เกิดการดื้อยา

ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ใช้เฉพาะกับการฆ่าเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับเชื้อไวรัส โดยมีการใช้ยาปฏิชีวนะมาตั้งแต่ พ.ศ.2483 ซึ่งยาเหล่านี้ได้ช่วยลดอาการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อทั้งหลาย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีการใช้ยาเหล่านี้กันอย่างแพร่หลายและเป็นเวลานาน จึงทำให้เชื้อโรคมีการปรับตัวและทำให้เกิดการดื้อยา ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีชาวอเมริกันอย่างน้อย 2 ล้านคนที่มีการดื้อยาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และอย่างน้อย 23,000 คนได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ

การดื้อยาปฏิชีวนะมีมากเพิ่มขึ้นเพราะมีการใช้ยาปฏิชีวนะที่ผิดและใช้พร่ำเพรื่อ บางคนมีการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาเชื้อไวรัสของไข้หวัด ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้หายแต่อย่างไร ตรงกันข้าม ยิ่งมีการใช้ยาปฏิชีวนะมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสในการดื้อยามากเท่านั้น

และหากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ใช้กันปกติทั่วไปไม่ได้ผล ก็จะก่อให้เกิดผลกระทบตามมา กล่าวคือ ต้องมีการใช้ยาที่แพงขึ้น มีระยะเวลาในการป่วยและรักษาตัวที่นานขึ้น ทำให้มีค่ารักษาที่สูงขึ้น อันเป็นภาระของครอบครัวและสังคม

บรรณานุกรม

1. Antibiotic resistance. http://www.who.int/mediacentre/factsheets/antibiotic-resistance/en/ [2016, November 27].

2. General Background: About Antibiotic Resistance. http://emerald.tufts.edu/med/apua/about_issue/about_antibioticres.shtml [2016, November 27].

3. Antibiotic resistance — what is it and why is it a problem? http://www.nps.org.au/medicines/infections-and-infestations/antibiotics/for-individuals/what-is-antibiotic-resistance [2016, November 27].