เรื่องเฉพาะสตรี...วัยทอง ตอนที่ 1

วัยทองเริ่มต้นเมื่อใด?

วัยทองก็คือ วัยหมดประจำเดือน เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องเกิดกับผู้หญิงทุกคนตามธรรมชาติ จากการที่รังไข่หยุดทำงาน ซึ่งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน คือไม่มีการตกไข่อีกต่อไป ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก และมีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ลดลงทำให้สตรีเริ่มมีอาการผิดปกติต่างๆขึ้น สตรีบางคนต้องการเพียงคำแนะนำเพื่อการปฏิบัติให้ถูกต้อง สตรีบางคนต้องการความช่วยเหลือโดยการให้ยาจากแพทย์ ในขณะที่สตรีบางคนสามารถผ่านพ้นวัยนี้ไปและเข้าสู่วัยทองได้อย่างราบรื่น โดยปกติแล้วภาวะนี้จะเกิดขึ้นระหว่างวัย 45-60 ปี แต่บางครั้งก็เกิดขึ้นก่อน การลดปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนยังอาจเกิดขึ้นได้จาก การได้รับการผ่าตัดเอารังไข่ออกทั้งสองข้าง หรือการหยุดทำงานของรังไข่เอง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม

วัยทองเป็นช่วงวัยหนึ่งที่สำคัญของผู้หญิง และควรจะเป็นวัยแห่งความสุขสมบูรณ์ เพราะผู้หญิงในวัยนี้มักประสบความสำเร็จทั้งในด้านครอบครัวและหน้าที่การงานแล้ว แต่ยังไม่ถึงวัยเกษียณ ในขณะที่ร่างกายและระบบการทำงานของผู้หญิงวัยนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทั่วๆไป รวมทั้งการทำงาน ความรู้เกี่ยวกับวัยทองที่ผ่านมานั้นคลุมเครือและสร้างความเข้าใจผิดๆ แต่ในปัจจุบันเรามีความเข้าใจกันชัดเจนขึ้นว่า วัยทองเป็นเพียงขบวนการเปลี่ยนแปลงตามวัยของธรรมชาติ เมื่อถึงวัยหนึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงไป เป็นอีกช่วงวัยหนึ่งในชีวิตที่ผู้หญิงต้องตั้งรับความเปลี่ยนแปลงของวัยที่ท้าทายให้เตรียมพร้อม เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพให้มากขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติทั้งสิ้น

การดูและรักษาสุขภาพโดยการแพทย์สมัยใหม่ มีทางเลือกมากมายสำหรับผู้หญิงวัยทอง เพื่อทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่ควรทราบว่า วัยทองไม่ใช่โรคที่มีความเสี่ยงสูง การสร้างความเข้าใจจะช่วยให้ได้ทราบถึงวิธีการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเข้าสู่วัยทอง เช่น โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ถ้าเราได้ตั้งรับด้วยทางเลือกต่างๆเพื่อการป้องกันและดูแลรักษาสุขภาพ ผู้หญิงวัยทองก็สามารถมีสุขภาพที่ดีและสมบูรณ์ได้ แต่อย่าลืมนะครับว่า วัยทองคือผลพวงของธรรมชาติอย่างแท้จริง

บรรณานุกรม

  1. ตำรานรีเวชวิทยา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  2. ตำรานรีเวชวิทยา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  3. http://www.cancer.gov/ access date 1st October, 2004.