ลมชักฉันรักเธอ ภาค2: เมื่อน้องออยได้ทำในสิ่งที่รัก

ลมชักฉันรักเธอ2

เปลี่ยนโหมดบ้างซะหน่อย แม้ปีนี้ชีวิตอาจจะมีทั้งเรื่องดีและร้ายเข้ามาเยอะ แต่ก็มีสิ่งสวยงามอีกอย่างที่หนูเพิ่งได้มันกลับมาหลังจากห่างมันไปนานเช่นกัน หนูรักการเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แทบจะไม่มีการเต้นแนวไหนเลยที่หนูไม่เคยเต้น ตั้งแต่ง่ายๆ อย่างแอโรบิค เชียร์ลีดเดอร์ ลีลาศ ป๊อป ฮิปฮอป แจ๊ส สตรีท เรกเก้ หางเครื่อง หมอลำ

แต่สิ่งที่หนูชอบที่สุด คือ บัลเล่ต์ หนูชอบท่วงท่าที่ดูอ่อนช้อยแต่สง่างาม การเคลื่อนไหวพลิ้วสวย ดูบางเบาเหมือนจะบินได้ ชุดกระโปรงบานๆ ฟูๆ ตกแต่งลวดลายปักสวยงาม มันน่าหลงใหลสำหรับหนูเสียจริงๆ

หนูมีโอกาสได้มาเรียนบัลเล่ต์อีกครั้ง ที่จริงก็เริ่มเรียนเต้นตั้งแต่ตอนเรียนบล็อก minor และพยายามเรียนมาเรื่อยๆ เพียงอาทิตย์ละชั่วโมงครึ่ง ที่หนูได้ออกกำลังกายและคลายเครียด ช่วงไหนที่ไม่ว่าง หรืออยู่เวร หนูก็สามารถลาเรียนได้ เพราะหนูลงเรียนแบบเดี่ยวอยู่แล้ว แม้ตอนนี้หนูอยู่ med หนูก็ยังต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง โดยเล่นหรือทำอย่างอื่นที่ไร้สาระให้น้อยลง เพื่อให้หนูได้อยู่กับสิ่งที่รักบ้างค่ะ

และสิ่งที่หนูเพิ่งค้นพบไม่นานนี้ คือ บัลเล่ต์ช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างของยากันชักได้ดีเลยทีเดียว ช่วงที่หนูเริ่มทานยาแรกๆ แทบจะเดินตรงๆ ไม่ได้เลย เคยโดนทักว่าเมาเหล้ามาหรือเปล่า!! เพราะยามีผลทำให้สูญเสียการทรงตัว และที่หนูไม่ชอบเลย คือ ทำให้ความว่องไวในการคิดลดลง สมาธิสั้น แม้ตอนนี้ผลข้างเคียงก็น้อยลง แต่ก็ยังมีเดินเซบ้างบางครั้ง และมีปัญหาเรื่องสมาธิและความจำ ทำให้หนูเรียนรู้อะไรได้ช้า

การเรียนบัลเล่ต์ทำให้หนูได้ฝึกการทรงตัว เพราะต้องยืนบนปลายเท้า ต้องหมุน และได้ฝึกสมาธิ เพราะต้องมีสติอยู่กับทุกส่วนของร่างกายเวลาเคลื่อนไหว เพื่อให้ท่าออกมาสวยงามและแข็งแรง แรกๆหนูก็ทำไม่ค่อยได้ พอได้ฝึกสักระยะ ก็เริ่มทำได้ดีขึ้น ท่าสวยขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และสนุกกับมัน

คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ใช้การเคลื่อนไหวประกอบเสียงเพลงมาช่วยในการรักษาคนไข้ หนูเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งว่ามีงานวิจัยเกี่ยวกับการเต้นบำบัติในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โดยให้ผู้ป่วยจับคู่เต้นลีลาศแบบง่ายๆ ปรากฏว่าผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นยังสนุกกับการบำบัติ และได้เข้าสังคมกับคยที่เป็นโรคเดียวกันอีกด้วย

หนูรู้ตัวแล้วค่ะว่าตัวเองชอบอะไร หนูตั้งใจจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านที่สามารถนำการเต้นมาประยุกต์ใช้ในการรักษาคนไข้ได้ หนูว่าจะเรียนต่อเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งเป็นภาควิชาที่หนูประทับใจตั้งแต่ได้เรียนตอนปี 4 และหนูจะหาโอกาสไปเรียนต่อด้าน dance and movement therapy (การรักษาโรคด้วยวิธีการเต้นและเคลื่อนไหว) คิดแล้วอยากรีบเรียนให้จบและไปเรียนต่อในด้านที่รู้สึกว่า มัน"ใช่" สำหรับเราแล้วค่ะ

การได้ทำอะไรที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง พัฒนาคนอื่น และยังเป็นสิ่งที่เรารักแล้ว มันมีความสุขที่สุดเลยค่ะ

ข้อคิดเห็นจากหมอสมศักดิ์

ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา ดนตรี รวมทั้งการเต้นก็สามารถทำให้ผู้ป่วยทุกคนดีขึ้น ถ้าเลือกให้เข้ากับโรคที่ผู้ป่วยแต่ละราย

กรณีน้องออยที่มีอาการชักมีปัญหาผลแทรกซ้อนจากยากันชัก ต้องเลือกเล่นกีฬาที่ไม่มีอันตรายถ้าเกิดอาการชักขณะเล่นกีฬา และต้องเป็นกีฬาที่ไม่รีบเร่ง ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีการปะทะ และถ้าได้มีการฝึกให้มีการทรงตัวได้ดีขึ้นด้วย ก็จะยิ่งทำให้เป็นประโยชน์อย่างมาก

การฝึกเต้นบัลเลต์ของน้องออยนั้นเหมาะอย่างยิ่ง เพราะมีทั้งการฝึกการทรงตัว สมาธิและความอ่อนโยน ไม่รีบร้อน ทั้งหมดนั้นเป็นการทำให้น้องออยได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์จากการเต้นบัลเล่ต์แบบเต็มๆ

กีฬาที่ไม่ค่อยแนะนำให้เล่นหรือต้องระมัดระวังอย่างมาก ได้แก่ กีฬาที่มีการปะทะ ผาดโผน เล่นบนที่สูงหรือในน้ำ เพราะถ้ามีอาการชักเกิดขึ้นขณะเล่นกีฬา ก็อาจเกิดอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุขณะชักได้

การออกกำลังกายยังทำให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันการเกิดกระดูกบาง กระดูกพรุนได้อีกด้วย เพราะยากันชักบางชนิดถ้าทานเป็นระยะเวลานานก็ส่งผลเสียต่อมวลกระดูกได้ด้วย ดังนั้นการเล่นกีฬาจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในผู้ป่วยลมชัก เพียงแต่ต้องเลือกเล่นให้เหมาะสม