ลมชักฉันรักเธอ ภาค2: ตอน ฟ้าหลังฝนของน้องออย

ลมชักฉันรักเธอ2

และแล้วเรื่องร้ายๆ ก็ผ่านไปอีกเรื่อง เวลาผ่านมาจนใกล้สอบลงกองแล้ว

สองสัปดาห์สุดท้ายของบล็อกนี้ หนูต้องกลับจาก รพ.ศูนย์ขอนแก่น ไปเรียนที่รพ.ศรีนครินทร์เหมือนเดิม

เพิ่งได้มาอยู่วอร์ด รพ.ศูนย์ จริงๆ จังๆ ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยมาแค่ไม่กี่วัน (ไม่นับวันแรกที่ลืมตาดูโลก วันที่มาฉีดวัคซีน และวันอื่นๆ ที่แค่มาวิ่งเล่น มาปล่อยเต่า ลอยกระทงในสระ ขับรถเด็กเล่นทั่วโรงพยาบาล)

วันแรกที่หนูมาถึง วอร์ดเด็กโต ก็รู้สึกว่าคนไข้เยอะมาก ไม่รู้ว่าเด็กๆและญาติผู้ป่วยนอนกันได้อย่างไร แค่ป่วยก็ทรมานมากอยู่แล้ว ยังต้องมานอนรวมกันในวอร์ดใหญ่ๆ บรรยากาศร้อนและแออัด ยุงเยอะ อยู่เวรคืนแรกก็เหนื่อยสุดๆ แทบไม่ได้นั่ง ไม่เคยคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ หนักขนาดนี้ไม่รู้จะทนได้ไหม สุขภาพเราจะไหวหรือเปล่า แต่หนูคิดว่า เพื่อนๆ ก็ผ่านมากันหมดแล้ว เราก็ต้องอยู่ได้

พอเริ่มปรับตัวได้ก็รู้สึกดีขึ้น มีงานยุ่งๆ ล้นมือทั้งวันมันก็สนุกดีเหมือนกัน การมีเคสเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เราต้องคิดตลอด พยายามดึงความรู้ที่มีมาใช้ ตอนหลังๆ เริ่มตรวจคนไข้เร็วขึ้น เพราะจำนวนคนไข้มาก แต่เวลามีจำกัด พอ diagnosis (วินิจฉัยโรค) คนไข้ได้ เริ่มคิดเองว่าต้องรักษาคนไข้ยังไง ก็ภูมิใจเหมือนกันค่ะ

4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ทั้งดีและร้าย ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และรอยยิ้มของเด็กน้อยๆ ที่สำคัญ หนูได้เห็นความอดทนของน้องๆ ที่ป่วย ความรักของพ่อแม่ที่มาดูแลลูก ถึงแม้หนูจะป่วย ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ แต่ก็นับว่าโชคดีมากเมื่อเทียบกับเด็กหลายคน บางทีหนูอาจจะทำอะไรช้าๆ มาสาย ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวบ้าง แต่ก็ได้อะไรเยอะมากๆ ทั้งความรู้ หัตถการ ประสบการณ์ในการดูแลคนไข้ ความกลัวที่ตอนแรกเคยมีมันหายไปเยอะเลย

ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน ที่พาราวด์ทุกเตียง ทุกวัน แม้ว่าจะดุบ้าง แต่ก็สอน นศ.พ. อย่างดีทุกคน ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ extern ที่คอยสอน น้องๆ สาย ง. ที่สร้างความฮา กวน เสื่อม พากันกิน แข่งกันอ้วน และอยู่เคียงข้างกันมาตลอด ขอบคุณเด็กๆ ที่น่ารัก ที่มอบประสบการณ์ดีๆ ขอบคุณชาเขียวลาเต้ ร้านริมสวนและร้านใบบัวที่กลายเป็นสีสันของชีวิตในทุกๆ วัน

4 สัปดาห์แห่งความประทับใจนี้ผ่านไปเร็วยังกะโกหก แต่เป็น 4 สัปดาห์ที่มีค่ากับชีวิตออยมากๆ และออยจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ

การสอบลงกองครั้งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หนูจะไม่เครียดกับมันแล้วค่ะ เครียดไปก็เท่านั้น มีแต่อะไรแย่ๆเกิดขึ้น เหมือนที่ผ่านมา

พูดว่าจะไม่เครียดตั้งหลายครั้ง รอบนี้ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ใช่ไหมคะ

ข้อคิดเห็นจากหมอสมศักดิ์

ชีวิตคนเราเมื่อทุกข์ก็ต้องมีสุข ทุกข์ หรือ สุข ไม่ได้อยู่ที่ใคร อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น อย่างน้องออยที่ต้องมาฝึกงานที่โรงพยาบาลขอนแก่น มีผู้ป่วยและงานที่ต้องทำเยอะมากๆ แต่ก็มีความสุขดี ในขณะที่ผ่านการฝึกงานที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ที่มีภาระงานไม่หนักมากเท่าที่โรงพยาบาลขอนแก่น แต่ก็ไม่ได้มีความสุขเท่า เพราะอะไร ก็เพราะความคิดที่เปลี่ยนไปของน้องออย เหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมานั้น ผมเชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่เสริมสร้างความเข็มแข็ง เป็นเกราะที่ดี ป้องกันไม่ให้น้องออยเกิดปัญหาได้ง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา

การที่เราได้เห็นว่าคนอื่นๆ นั้นเขามีความทุกข์มากกว่าเราหลายพันหลายหมื่นเท่า ก็ทำให้เรานั้นมีความรู้สึกที่ดีขึ้น การคิดแบบนี้เกิดขึ้นได้ เพราะเราได้เห็นหรือร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเดียวกับการสอนแพทย์ ที่ต้องฝึกฝนจากผู้ป่วยจริง เรียนรู้ความรู้สึกที่ผู้ป่วยได้รับ หรือต้องการ จากการที่ต้องรับผู้ป่วยมาดูแลรักษา จนกว่าจะหาย ดีขึ้นกลับบ้านได้นั้น ก็เป็นการเรียนรู้ที่สำคัญ มิใช่ได้เพียงแค่ความรู้เฉพาะตัวโรคเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสกับความเป็นจริงของคนแต่ละคน แต่ละครอบครัว ว่ามีความลำบาก ทุกข์มากน้อยเพียงใด แต่ชีวิตของทุกคนก็จำเป็นต้องเดินหน้า ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ทุกคน

เมื่อชีวิตเรามีความสุข เราก็จะรู้สึกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นมันช่างผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนช่วงแห่งความทุกข์ ที่ทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปนั้น มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน

แล้วทำไมเราไม่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขให้มาก ความทุกข์ให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่มีเลยยิ่งดี

โชคดีครับคนไทยที่รักทุกคน