My Epilepsy Diary ลมชัก…..ฉันรักเธอ ตอนที่ 26: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับลมชัก

อาจารย์คะ หนูตัดสินใจแล้วนะคะ ว่าจะสอบแก้ศัลย์ในรอบนี้

หนูคงต้องเร่งอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุดในเวลาเพียงสองสัปดาห์กว่า เพราะถ้าหนูไม่ผ่าน หนูคงต้องขึ้นศัลย์ใหม่อีกรอบ

สองวันก่อน ป๊าเพิ่งกลับจากประชุมที่อเมริกา ด้วยความรักและหวังดี ป๊าเลยซื้ออาหารเสริมที่ช่วยในการทำงานของสมองมาฝาก ที่นั่นมีอาหารเสริมแบบนี้ขายมากมาย แต่มีราคาค่อนข้างแพง ส่วนใหญ่นักศึกษามหาวิทยาลัยจะเก็บเงินซื้อมาทานกันช่วงอ่านหนังสือสอบ และด้วยความที่หนูกำลังสนใจกับการอ่านหนังสือจึงไม่ได้อ่านรายละเอียดของอาหารเสริม คิดว่าน่าจะไม่ต่างจากวิตามินทั่วๆไป ที่ข้างขวดเขียนว่าให้ทานวันละ 2 เม็ด หนูก็ทำตามนั้น วันนั้นหนูรู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิกับหนังสือตรงหน้ามากกว่าปกติ สมองคิดอะไรได้ไวกว่าเดิม และอ่านได้อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

หนูอ่านหนังสือได้จนถึงเที่ยงคืน ทั้งๆ ที่ปกติหนูควรจะรู้สึกง่วงตั้งนานแล้ว และหลังจากนั้นหนูก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

ประมาณตีหนึ่ง หนูลืมตาขึ้นเพราะแสงไฟบนโต๊ะส่องลงตรงหน้า หนูรู้สึกตัวอีกครั้งในท่านอนตะแคงซ้ายอยู่บนพื้น น้ำลายไหล ปัสสาวะราด และมีอาการปวดหัวตามมา ตรวจดูตามร่างกายแล้วมีเพียงแผลถลอกที่หลังเท้าเล็กน้อย นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่หนูมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ทั้งๆ อาจารย์เพิ่งเพิ่มยาให้ และหนูก็มั่นใจว่าทานยาครบ

หนูปรึกษาอาจารย์ พี่เภสัช พี่หน่อย ป๊าและแม่ ทุกคนลงความเห็นเป็นอย่างเดียวกันคือน่าจะมาจากอาหารเสริมและแนะนำให้หนูหยุดทาน หนูลองค้นหารายละเอียดของส่วนประกอบต่างๆ พบว่าบางตัวมีผลต่อยากันชักและกระตุ้นอาการชักได้(โดยกลไกการทำงานของส่วนประกอบบางตัว) แม้จะไม่มีผลการวิจัยที่ชัดเจน แต่หนูก็ควรจะระวังให้มากกว่านี้

ช่วงนี้ป๊ากับแม่ให้ความสนใจกับหนูมากกว่าปกติ เพราะหนูอ่านหนังสืออยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ โดยมีป๊าติวให้ บางวันอาจจะได้ไปฟิตเนสกับแม่บ้าง หนูรู้สึกขอบคุณท่านทั้งสองมากๆ และหนูพยายามจะตอบแทนท่านให้ดีที่สุด

แต่บางครั้ง หนูก็อยากอยู่คนเดียวมากกว่า หลายครั้งที่ป๊ากับแม่ทักว่าเห็นหนูเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ ขึ้นบันไดอยู่ก็หยุดนิ่งไป ถามแล้วไม่ตอบ เดินไปเดินมา หรือทำอะไรโดยไม่รู้ตัว และจำเหตุการณ์ไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่หนูไม่อยากให้ท่านเห็นเลย

หนูเคยรู้สึกอายเวลาอยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนเห็นว่าหนูมีอาการชัก ซึ่งที่จริงเพื่อนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป และบางครั้งก็ไม่ทันสังเกตเสียด้วยซ้ำ เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง แต่เมื่อป๊ากับแม่เห็นหนูชัก ความรู้สึกมันต่างกัน ยิ่งตอนนี้ท่านได้อยู่กับหนูมากเท่าไร ท่านก็มีโอกาสเห็นอาการชักของหนูมากขึ้น ยิ่งสร้างความกังวลให้ท่าน หนูไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงหนูมากเกินไป

หนูไม่ทราบว่าทำไมหนูจึงยังมีอาการชักอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่บ่อยเท่าแต่ก่อน หรือว่าหนูเครียดโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าคะ

คำพูดของป๊ากับแม่ยังดังก้องอยู่ในความคิด

"ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหว ลูกก็ไม่จำเป็นต้องเรียนต่อก็ได้ เรียนอย่างอื่นก็ได้ ป๊ากับแม่ไม่อยากผลักดันลูกมากเกินไป แค่หนูได้ทำในสิ่งที่ชอบ อยู่ด้วยตัวเองได้ และมีความสุขก็พอแล้ว"

"แล้วจะให้หนูเรียนอะไรล่ะคะ?"

หนูจะรู้ได้อย่างไรว่าหนูไหวหรือไม่ไหว โรคลมชักไม่เหมือนโรคอื่นตรงที่บางทีเราก็บอกไม่ได้ว่าจะมีอาการเมื่อไร แม้แต่การสอบครั้งนี้ ถึงหนูมั่นใจว่าหนูจะผ่าน แต่ถ้าบังเอิญหนูมีอาการชักระหว่างสอบ หนูอาจจะตกก็ได้

และเหตุผลที่สำคัญที่สุด หนูเคยตั้งใจไว้แล้วว่าหนูอยากเป็นหมอ หนูอยากช่วยเหลือคนที่เป็นแบบหนู หรือทุกข์ทรมานกว่าหนู ถ้าหนูไม่ชอบจริงๆ หนูคงไปเรียนอย่างอื่นตั้งแต่ทราบว่าหนูเป็นโรคลมชักแล้ว

ตอนนี้ในหัวหนูมีแต่คำถามมากมายวนเวียนอยู่ไม่รู้จบ และนี่คือเหตุผลที่หนูต้องมานั่งเขียนไดอารี่ยาวเหยียดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่หนูควรจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือได้แล้ว

อาจารย์คะ ถ้าหนูยังคงมีอาการชักอยู่เรื่อยๆ หนูจะมีโอกาสหายไหมคะ

หนูจะสอบผ่านไหม หนูจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไรคะ

หนูจะเรียนจบและได้เป็นหมอหรือไม่ โรคลมชักจะมีผลต่ออาชีพของหนูไหมคะ

หรือว่าหนูควรจะไปเรียนอย่างอื่นดี?

หนูจะทำอย่างไรดีให้ป๊ากับแม่สบายใจคะ

เมื่อไหร่หนูถึงจะเลิกเครียด และเลิกร้องไห้กับเรื่องนี้เสียที

อาจารย์คะ ช่วยหนูหาคำตอบด้วยนะคะ

บทสรุป ชีวิตนักศึกษาแพทย์ นอกจากจะเรียนหนัก ผ่านหลายกอง สอบบ่อยทำให้เครียดอยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็เกิดความสับสนว่าจะเรียนต่อหรือหยุดเรียน แต่คนที่มีความมุ่งมั่น ปรารถนาอย่างแรงกล้า ใจรักเพื่อจะเป็นหมอให้ได้จะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “ความรักชนะอุปสรรคได้ทุกอย่าง” ผมเองมีความเชื่อมั่นในความสามารถ ความตั้งใจและความพยายามของน้องออยเป็นอย่างมาก ผมเชื่อว่าหนูต้องทำได้ หนูต้องเป็นแพทย์ที่ดีมากๆและหนูจะเป็นหมอที่ดี เปี่ยมไปด้วยความรู้ ความสามารถและความเป็นคน ที่เข้าใจชีวิตของผู้ป่วยลมชักได้ดีกว่าผม ยินดีต้อนรับหมอออยครับ