My Epilepsy Diary ลมชัก…..ฉันรักเธอ ตอนที่ 18: ปัญหาที่พบบ่อย

เมื่อจัดลำดับความสำคัญได้แล้ว หนูก็เลือกที่จะทำสิ่งที่สำคัญก่อน แต่ก็ยังไม่อยากทิ้งที่สำคัญน้อยออกไป ถึงจะทำได้แต่ก็ทำได้ไม่ดี งั้นก็คงต้องตัดบางอย่างที่สำคัญน้อยกว่าออกไป เลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้ดีก่อน

ต้องขอบคุณอาจารย์โกสินทร์(อาจารย์ที่ปรึกษา ภาควิชาอยุรศาสตร์)ที่ทำให้หนูรู้ตัวว่าหนูควรจะทำอะไร วันที่อาจารย์ติวสอบ NL ให้ หนูรู้เลยว่ามีบางช่วงที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ทำข้อสอบก็เว้นว่างเป็นช่วงๆ ฟังเฉลยก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง แสดงว่าอาการชักของหนูยังรบกวนการเรียนอยู่บ่อยๆ แล้วถ้ายังเป็นอย่างนี้ หนูจะสอบวิชาอายุรศาสตร์ไหวหรือ

แม้ว่าหนูจะไม่คาดหวังกับการเรียนแล้ว แต่ภาระที่หนูต้องรับผิดชอบก็ยังมากเกินความสามารถของหนู หนูยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หนูจึงตัดสินใจลาพักการเรียนอีกครั้ง โดยที่หนูไม่ต้องคิดมากเหมือนคราวที่แล้วเลย หนูรู้ตัวว่าถ้าหนูทำหลายๆอย่างพร้อมกันคงไม่ไหว หนูควรจะทำให้เสร็จทีละอย่าง แม้จะใช้เวลามากหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าทำพร้อมกันแล้วไม่ได้สักอย่างเลย ตอนนี้หนูตั้งใจว่า จะดูแลตัวเองให้ดี สอบ NL ให้ผ่านก่อน และช่วงเวลาที่เหลือก็จะอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ พอมาขึ้น กองอายุรกรรมคราวหน้าจะได้เรียนทันมากขึ้น

แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น ถึงหนูจะได้หลับพักผ่อนเต็มที่ และไม่มีเรื่องเรียนให้ต้องกังวล แต่หนูก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบอย่างเต็มที่จนลืมบางสิ่งบางอย่างไป

หนูทำข้อสอบเก่าติดต่อกันเป็นเวลานาน พอเริ่มง่วงก็นอนเลย โดยไม่รู้ตัวว่ายังไม่ได้กินยาตอนเย็น พอตื่นเช้าขึ้นมา หนูก็มานั่งทำข้อสอบต่อ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทานข้าว อาบน้ำ

อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องกินยา แต่กำลังติดพันกับการทำโจทย์อยู่ ทำไงได้ล่ะ กำลังมันส์อยู่เลยเชียว ทำชุดนี้เสร็จค่อยไปกินก็ได้ คราวที่แล้วไม่กินยาก็ไม่เห็นเป็นอะไรมาก ยิ่งวันนี้อยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้ข้ามถนน ไม่ได้ขึ้นดูแลผู้ป่วยบนหอผู้ป่วย แค่เหม่อไปนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

หนูตกใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบตัวเองอยู่ในสภาพนอนตะแคงอยู่บนพื้นข้างๆเก้าอี้และโต๊ะอ่านหนังสือ หนูสับสนและงงมากว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังทำอะไรและมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร หนูพยายามลุกขึ้น แต่.. โอ๊ย! ปวดหัวจังเลย หนูรู้สึกปวดมากเมื่อยกมือกุมหัวแล้วคลำโดนรอยบวมขนาดใหญ่

ด้วยความเป็นนักศึกษาแพทย์ เมื่อสติเริ่มกลับคืนมาเป็นปกติ หนูเงยหน้ามองนาฬิกา เวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว หนูไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเท่าไร แต่จำได้ว่ายังไม่ได้กินยา จึงกินยาทันที หนูรีบวัดสัญญาณชีพพบว่าทุกอย่างปกติดี บนร่างกายไม่มีเลือดออกผิดปกติที่ไหน ตอนนี้คงยังไม่เป็นไรมาก

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นอกจากหัวที่โนปูดออกมาแล้ว รอยถลอกและรอยฟกช้ำตามแขนขา คราบน้ำลายตรงมุมปากและแก้ม เปียกไปจนถึงเส้นผม ก็พอจะทำให้เดาเหตุการณ์ได้คร่าวๆ

เมื่อกี้หนูชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัวและหมดสติ (convulsive seizure) ไปหรือ เป็นไปได้อย่างไร หนูไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน แล้วหนูควรจะทำอย่างไรดี คงไม่มีใครเห็นใช่ไหม เพราะในบ้านไม่มีใครอยู่เลย หนูควรจะบอกอาจารย์ตอนนี้เลยหรือไม่ แต่หนูคงยังไม่บอกป๊ากับแม่ ไม่อยากให้ท่านกังวล ตอนนี้ใกล้สอบแล้ว หนูไม่อยากให้ท่านต้องห่วงหนูมาก

หนูสังเกตอาการตัวเองและวัดสัญญาณชีพ ทุก 2-3 ชั่วโมง ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ยังรู้สึกว่าปวดหัวมาก อ่อนเพลียและง่วงซึม หนูรู้ว่าอย่างไรก็ควรแจ้งให้อาจารย์ทราบ เย็นวันนั้นหนูจึงเล่าให้อาจารย์ฟังทันที อาจารย์ก็ไม่ว่าหนูเรื่องลืมกินยาเช่นเคย

วันถัดมาหนูรู้สึกเหนื่อย ปวดเมื่อยไปทั้งตัว และยังปวดหัวอยู่เล็กน้อย เลยทำให้ได้อ่านหนังสือน้อยลงไปเลย ทำไมหนูเป็นคนไข้ที่แย่อย่างนี้ ตั้งใจว่าจะลาพักการเรียนเพื่อดูแลตัวเองให้ดี ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้จนได้

เรื่องลืมกินยาคงเป็นปัญหาของคนไข้หลายๆคน แต่ละคนก็คงมีวิธีป้องกันลืมแตกต่างกัน หนูลองมาหลายอย่างแล้ว ทั้งจัดยาใส่กล่อง ตั้งมือถือปลุก ให้คนช่วยเตือน แต่หลายครั้งหนูก็ยังคิดในใจ “เออ รู้แล้วน่า เดี๋ยวค่อยไปกินก็ได้” สุดท้ายก็ลืม หรือกินช้าไปทุกที

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องมีวินัยในตนเอง ในเมื่อสุขภาพมาก่อน ไม่ว่าจะกำลังอ่านหนังสือ หรือทำอะไรอยู่ก็ตาม พอรู้ว่ายังไม่ได้กินยา ก็ควรจะกินทันที แล้วค่อยกลับมาทำสิ่งที่ยังค้างอยู่ต่อ

บทเรียนครั้งนี้ หนูคงจะจำไปอีกนานเลย นี่ยังโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ถ้าหนูล้มลงขณะที่กำลังยืน ชักอยู่ในท่านอนหงาย หรือชักนานกว่านี้ หนูอาจจะไม่ได้มานั่งเขียนบันทึกอยู่ตอนนี้ก็ได้ใช่ไหมคะ

บทสรุป โรคลมชัก ควบคุมการชักด้วยยากันชัก ซึ่งต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยในตนเอง การลืมทานยาหรือหยุดยากันชักอย่างกะทันหันมีโอกาสชักรุนแรงได้ การที่ผู้ป่วยยิ่งเคยมีประสบการณ์มาก่อนว่าเคยไม่ทานยาก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น สิ่งนี้เรียกว่าความประมาทครับ การทานยากันชัก ควรทานให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ ถ้าลืมทานยาและนึกขึ้นได้ก็ให้รีบนำยามาทานทันทีครับ ถ้าเป็นภายในวันเดียวกันก็ให้นำยามื้อถัดไปมาทานแทน แต่ถ้าข้ามวันไปแล้วก็เริ่มของวันใหม่เลย ห้ามทานเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่าตามจำนวนที่ลืม เพราะจะทำให้เกิดการทานยาที่เกินขนาดและก่อให้เกิดระดับยาที่เป็นพิษ