ริดสีดวงจมูก (Nasal polyp)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

ริดสีดวงจมูก(Nasal polyp) คือ โรคที่มีก้อนเนื้อที่ 'ไม่ใช่มะเร็ง' เกิดผิดปกติในโพรงจมูก และ/หรือในไซนัส(Paranasal sinus,โพรงอากาศที่อยู่รอบๆจมูก) มีลักษณะรูปร่างคล้ายผลองุ่นหรือหยดน้ำตา นุ่ม และผิวเรียบ ที่มีขนาดได้ต่างๆตั้งแต่เป็นมิลลิเมตรไปจนถึงหลายเซ็นติเมตร อาจพบมีก้อนเดียว หรือหลายก้อน  มักพบเกิดในโพรงจมูก/โพรงไซนัสทั้ง2ข้างพร้อมกัน แต่พบเกิดด้านเดียวได้ โดยทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีโอกาสเกิดได้เท่ากัน ซึ่งก้อนเนื้อนี้เกิดจากการบวมเรื้อรังจากการอักเสบเรื้อรัง(อาจอักเสบจากติดเชื้อและ/หรือไม่ติดเชื้อก็ได้)ของเนื้อเยื่อเมือกบุโพรงจมูกและ/หรือบุไซนัส และยังไม่มีรายงานว่าก้อนเนื้อนี้กลายเป็นมะเร็ง

ริดสีดวงจมูก พบทุกเชื้อชาติ ทุกอายุ ตั้งแต่เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก) ไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบน้อยในเด็กโดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 10 ปี  มักพบในผู้ใหญ่ช่วงอายุมากกว่า40ปี สถิติเกิดทั่วโลกใกล้เคียงกัน ซึ่งในสหรัฐอเมริกา มีรายงานพบในเด็ก ประมาณ 0.1% ของเด็กทั้งหมด และพบในผู้ใหญ่ประมาณ 0.2-28%  ในผู้ใหญ่พบในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง ประมาณ2-4เท่า แต่ในเด็กพบในเด็กหญิงและเด็กชายใกล้เคียงกัน

ริดสีดวงจมูกเกิดได้อย่างไร?

 

ปัจจุบัน ยังไม่ทราบกลไกที่แท้จริงของการเกิดริดสีดวงจมูก แต่เชื่อว่าอาจเกิดได้จาก 3 กลไกหลัก

ก. จากมีการอักเสบเรื้อรังที่อาจเกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง เช่นจาก แบคทีเรีย หรือ โรคเชื้อรา หรือการอักเสบที่ไม่ติดเชื้อ  เช่น โรคภูมิแพ้หูคอจมูก ที่ส่งผลให้เกิดการบวมเรื้องรังของเนื้อเยื่อเมือกบุโพรงจมูกและบุโพรงไซนัส ซึ่งการอักเสบบวมเรื้อรังนี้จะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเยื่อเมือกฯทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อของเนื้อเยื่อเมือกฯขึ้น

ข. จากการผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหลอดเลือดของเยื่อเมือกในโพรงจมูกและในไซนัส ส่งผลให้มีของเหลวไหลออกจากหลอดเลือด ส่งผลต่อเนื่องถึงการบวมเรื้อรังของเนื้อเยื่อเมือกในโพรงจมูกและ/หรือในไซนัสจนเกิดเป็นก้อนเนื้อของเยื่อเมือกฯตามมา

ค. จากมีการไหลเวียนอากาศ/ลมในโพรงจมูกและในไซนัสที่ผิดปกติจากการตีบแคบของทางเดินอากาศในอวัยวะทั้งสอง  จึงส่งผลให้เกิดการบวมอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อเมือกโพรงจมูกและของไซนัส จนเกิดเป็นก้อนเนื้อเยื่อเมือกฯตามมาในที่สุด

ริดสีดวงจมูกมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดริดสีดวงจมูก ได้แก่ สาเหตุ/ปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบ การบวม เรื้อรัง ของเนื้อเยื่อเมือกบุโพรงจมูกและ/หรือบุไซนัส เช่น

  • โรคหืด
  • โรคภูมิแพ้หูคอจมูก
  • ไซนัสอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะจากโรคเชื้อรา
  • การแพ้ยา Aspirin
  • โรคทางพันธุกรรมบางโรคที่มีการผิดปกติในการทำงานของเนื้อเยื่อเมือกของอวัยวะต่างๆที่รวมถึง โพรงจมูก และไซนัส เช่น โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic fibrosis)
  • อาจจากพันธุกรรมผิดปกติชนิดที่ทำให้เนื้อเยื่อเมือกไว/ตอบสนองต่อสารต่างๆง่ายกว่าคนทั่วไป เนื้อเยื่อเมือกจึง อักเสบ บวม เรื้อรัง ได้ง่าย

ริดสีดวงจมูกมีอาการอย่างไร?

อาการโรคริดสีดวงจมูก คือ อาการจากก้อนริดสีดวงอุดกั้นทางเดินลมหายใจโดยอาการพบบ่อย เช่น

  • มองเห็นมีก้อนเนื้อ ผิวเรียบ ค่อนข้างกลมหรือคล้ายหยดน้ำ นิ่ม สีออกเหลือง หรือเทา หรือ ชมพู อยู่ในโพรงจมูก  อาจมองเห็นจากรูจมูกด้านหน้าหรือด้านหลังของโพรงจมูกที่เปิดออกในลำคอ  และ/หรือมีก้อนเนื้อในไซนัส
  • แน่น คัดจมูก เรื้อรัง
  • มีน้ำมูก ข้นเหนียวเรื้อรัง อาจขาวข้นถ้าไม่มีการติดเชื้อ แต่อาจมีสีเขียว เหลือง หรือสีอื่นๆ ร่วมกับมีกลิ่น เมื่อมีการติดเชื้อร่วมด้วย
  • เมื่อก้อนเนื้อโตขึ้น หรือมีน้ำมูกมาก จะทำให้หายใจทางจมูกลำบาก จึงมักหายใจทางปากร่วมด้วย
  • จมูกได้กลิ่นลดลง หรือไม่ได้กลิ่น
  • ปวดศีรษะเรื้อรัง
  • มีเลือดเกาเดาบ่อย จากมีเลือดออกที่ก้อนเนื้อ
  • นอนกรน
  • มีน้ำมูกไหลลงคอ โดยเฉพาะถ้าก้อนเนื้อเกิดด้านหลังของโพรงจมูก
  • บางคนอาจมีเสียงแหบเป็นๆหายๆเรื้อรังจากกล่องเสียงอักเสบเรื้อรังจากน้ำมูกที่ไหลลงคอ
  • ลมหายใจมีกลิ่น กรณีมีการติดเชื้อเรื้อรัง
  • มีอาการของโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

เมื่อมีอาการดังกล่าวใน 'หัวข้อ อาการฯ' ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ

แพทย์วินิจฉัยริดสีดวงจมูกอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคริดสีดวงจมูกได้จาก 

  • ประวัติอาการผู้ป่วย
  • การตรวจร่างกาย และ การตรวจทางหูคอจมูก 
  • ส่องกล้องตรวจในโพรงจมูกและ/หรือในโพรงไซนัส และอาจมี
  • การสืบค้นเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์, เอกซเรยคอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน), และ/หรือเอมอาร์ไอ จมูกและไซนัส รวมไปถึงการตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อฯเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

รักษาริดสีดวงจมูกอย่างไร?

การรักษาริดสีดวงจมูกมีหลายวิธี ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยและขนาดก้อนเนื้อ ทั้งนี้ จะเลือกวิธีใดขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ซึ่งวิธีรักษาต่างๆ เช่น

  • ใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดยาพ่นจมูก หรือ ชนิดยาหยอดจมูก กรณีก้อนเนื้อมีขนาดเล็ก และผู้ป่วยมีอาการไม่มาก
  • กินหรือฉีดยาสเตียรอยด์ กรณีก้อนเนื้อโต หรือ การรักษาด้วยการพ่นยาไม่ได้ผล
  • ผ่าตัดก้อนเนื้อออกด้วยวิธีผ่าตัดทั่วไป/วิธีธรรมดา (Simple surgery) แพทย์มักเลือกใช้เมื่อการใช้ยาไม่ได้ผล
  • ผ่าตัดผ่านกล้อง (Endoscopic sinus surgery) กรณีผ่าตัดด้วยวิธีธรรมดาแล้วโรค ย้อนกลับเป็นซ้ำ

นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยยาอื่นๆตามอาการผู้ป่วย เช่น ยาแก้แพ้, ยาปฏิชีวนะกรณีมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ยาต้านเชื้อรากรณีมีโรคเชื้อรา และยาแก้ปวดบรรเทาอาการปวดหัว เป็นต้น

ที่สำคัญอีกประการ คือ ถ้าหาปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุได้ การรักษาจะต้องรักษาสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงนั้นๆควบคู่ไปด้วย เช่น รักษาโรคหืด หรือโรคภูมิแพ้หูคอจมูก

ริดสีดวงจมูกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

การพยากรณ์โรค คือ

  • ริดสีดวงจมูกเป็นก้อนเนื้อที่’ไม่ใช่มะเร็ง’ และยังไม่มีรายงานว่า กลายเป็นมะเร็ง
  • เป็นโรคที่ไม่ทำให้ถึงตายถ้าไม่เกิดผลข้างเคียงจากติดเชื้อที่รุนแรงจนลุกลามเข้าสมอง
  • เป็นโรคที่เป็นๆหายๆ
  • และมักกลับเป็นซ้ำได้เสมอถึงแม้จะผ่าตัดรักษาแล้วก็ตาม, แต่การดูแลตนเองตามแพทย์แนะนำ ร่วมกับการควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ จะช่วยให้เกิดโรคกลับเป็นซ้ำได้ช้าลง

ริดสีดวงจมูกก่อผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากโรคริดสีดวงจมูก เช่น  

  • นอนกรน
  • โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ และ
  • อาจมีการติดเชื้อรุนแรงที่ลุกลามเข้าเบ้าตา และ/หรือ เยื่อหุ้มสมอง (เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) หรือเข้าสมอง(เกิดสมองอักเสบ)ได้ เพราะโพรงจมูกและไซนัส เป็นอวัยวะที่มีช่องทางติดต่อเข้าสู่เบ้าตาและเข้าสู่สมองได้
  • นอกจากนี้ ริดสีดวงจมูก ยังอาจเป็นสาเหตุให้ควบคุมโรคหืดได้ยาก หรือ ทำให้โรคหืดกำเริบได้

ดูแลตนเองอย่างไร?

การดูแลตนเองเมื่อเป็นริดสีดวงจมูก ทั่วไปได้แก่

  • ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่ง ให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)เพื่อลดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
  • รู้จักใช้หน้ากากอนามัย
  • รักษา ควบคุมโรค ที่เป็นสาเหตุให้ได้ดี
  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หูคอจมูก หรือสารก่อการระคายเคืองจมูก เช่น ฝุ่นละออง ควัน สารระเหย เกสรดอกไม้
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?

ผู้ป่วยริดสีดวงจมูก ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ

  • มีอาการที่ผิดไปจากเดิม
  • อาการต่างๆแย่ลง
  • เลือดกำเดาออกบ่อยขึ้น หรือเลือดฯออกปริมาณมาก หรือ เลือดฯออกแล้วหยุดยาก หรือ
  • เมื่อกังวลในอาการ

ป้องกันริดสีดวงจมูกอย่างไร?

การป้องกันโรคริดสีดวงจมูกให้ได้เต็มร้อย เป็นไปได้ยาก เพราะยังไม่ทราบกลไก เกิดโรคที่แน่นอน แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้าควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น

  • รักษา ควบคุม โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้ได้ดี
  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หูคอจมูก หรือสารต่างๆที่ก่อการระคายเคืองจมูก
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และ
  • รู้จักใช้หน้ากากอนามัย

บรรณานุกรม

  1. ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม. ริดสีดวงจมูก.สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย. https://allergy.or.th/2016/php?id=107    [2023,Jan21]
  2. Osguthorpe,D. (2001). Am Fam Physician. 63, 69-76.
  3. https://emedicine.medscape.com/article/994274-overview#showall [2023,Jan21]
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Nasal_polyp [2023,Jan21]
  5. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/nasal-polyps [2023,Jan21]