รวมมิตรวิตามิน (ตอนที่ 5)

รวมมิตรวิตามิน

สำหรับปริมาณความต้องการวิตามินดีนั้น ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณในผู้ใหญ่เป็น 400 - 600 IU ต่อวัน (10–15 mcg) ในผู้สูงอายุควรได้รับในปริมาณที่มากขึ้นเป็น 400 - 800 IU ต่อวัน (10–20 mcg)

การขาดวิตามินดีเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยการขาดแสงแดดเป็นสาเหตุหลักในการขาดวิตามินดี เช่น คนที่มีผิวดำที่อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร คนที่ปกปิดผิวด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรมหรือศาสนา โดยการขาดวิตามินทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง ทำให้มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกาย

นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการขาดวิตามินดี ได้แก่

  • ทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อย
  • ผู้สูงวัย
  • ผู้ที่เป็นโรคที่มีผลต่อตับ ไต หรือมีการดูดซึมไขมันบกพร่อง
  • ผู้ที่เป็นมังสวิรัติ
  • ผู้ติดแอลกอฮอล์
  • ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน (เพราะลดความสามารถในการผลิตวิตามินดีที่ผิวและลดการดูดซึมผ่านทางลำไส้)
  • ผู้ที่อยู่แต่ในบ้าน ไม่ถูกแสงแดด
  • ผู้ที่มีผิวดำและอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร

เราไม่ค่อยพบวิตามินดีในอาหารมากนัก แหล่งอาหารที่ถือว่ามีวิตามินดีมากที่สุด ก็คือ น้ำมันตับปลา และปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน แฮริ่ง แซลมอน และแมคเคอเรล ส่วนไข่ เนื้อสัตว์ นม และเนย มีวิตามินดีอยู่ค่อนข้างน้อย และไม่ค่อยพบวิตามินดีในพืช โดยเฉพาะผลไม้และถั่วที่ไม่มีวิตามินดีเลย

วิตามินอี

วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินอีมีหลายชนิด แต่ชนิดที่มีประสิทธิภาพทางชีวภาพและพบในร่างกายมนุษย์มากที่สุด คือ Alpha-tocopherol โดยวิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นในการ

  • ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ (Free radicals)
  • ยั้บยั้งการแข็งตัวของเลือด (Blood clotting)
  • ทำให้การไหลเวียนของเลือดปกติ

The European Food Safety Authority ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามินอี ไว้ว่า

  • ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย (Oxidative damage)

แหล่งข้อมูล

1. Vitamin D. http://www.nutri-facts.org/eng/vitamins/vitamin-d-calciferol/at-a-glance/ [2016, February 18].

2. Vitamin E. http://www.nutri-facts.org/eng/vitamins/vitamin-e-tocopherol/at-a-glance/ [2016, February 18].