รวมมิตรวิตามิน (ตอนที่ 5)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 20 กุมภาพันธ์ 2559
- Tweet
สำหรับปริมาณความต้องการวิตามินดีนั้น ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณในผู้ใหญ่เป็น 400 - 600 IU ต่อวัน (10–15 mcg) ในผู้สูงอายุควรได้รับในปริมาณที่มากขึ้นเป็น 400 - 800 IU ต่อวัน (10–20 mcg)
การขาดวิตามินดีเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยการขาดแสงแดดเป็นสาเหตุหลักในการขาดวิตามินดี เช่น คนที่มีผิวดำที่อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร คนที่ปกปิดผิวด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรมหรือศาสนา โดยการขาดวิตามินทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง ทำให้มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกาย
นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการขาดวิตามินดี ได้แก่
- ทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อย
- ผู้สูงวัย
- ผู้ที่เป็นโรคที่มีผลต่อตับ ไต หรือมีการดูดซึมไขมันบกพร่อง
- ผู้ที่เป็นมังสวิรัติ
- ผู้ติดแอลกอฮอล์
- ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน (เพราะลดความสามารถในการผลิตวิตามินดีที่ผิวและลดการดูดซึมผ่านทางลำไส้)
- ผู้ที่อยู่แต่ในบ้าน ไม่ถูกแสงแดด
- ผู้ที่มีผิวดำและอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร
เราไม่ค่อยพบวิตามินดีในอาหารมากนัก แหล่งอาหารที่ถือว่ามีวิตามินดีมากที่สุด ก็คือ น้ำมันตับปลา และปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน แฮริ่ง แซลมอน และแมคเคอเรล ส่วนไข่ เนื้อสัตว์ นม และเนย มีวิตามินดีอยู่ค่อนข้างน้อย และไม่ค่อยพบวิตามินดีในพืช โดยเฉพาะผลไม้และถั่วที่ไม่มีวิตามินดีเลย
วิตามินอี
วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินอีมีหลายชนิด แต่ชนิดที่มีประสิทธิภาพทางชีวภาพและพบในร่างกายมนุษย์มากที่สุด คือ Alpha-tocopherol โดยวิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นในการ
- ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ (Free radicals)
- ยั้บยั้งการแข็งตัวของเลือด (Blood clotting)
- ทำให้การไหลเวียนของเลือดปกติ
The European Food Safety Authority ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามินอี ไว้ว่า
- ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย (Oxidative damage)
แหล่งข้อมูล
1. Vitamin D. http://www.nutri-facts.org/eng/vitamins/vitamin-d-calciferol/at-a-glance/ [2016, February 18].
2. Vitamin E. http://www.nutri-facts.org/eng/vitamins/vitamin-e-tocopherol/at-a-glance/ [2016, February 18].