รวมญาติตระกูลบี (ตอนที่ 10)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 14 กุมภาพันธ์ 2559
- Tweet
The European Food Safety Authority ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามินบี 9 ไว้ว่า
- ช่วยในการสร้างเลือด
- ทำให้โฮโมซีสเตอีน (Homocysteine) อยู่ในระดับปกติ
- ช่วยในการเผาผลาญของระบบภูมิต้านทาน
- ช่วยในการแบ่งเซลล์
- ช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตระหว่างตั้งครรภ์
- ช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโน (Amino acid synthesis)
- ช่วยให้การทำงานของจิตใจเป็นปกติ
- ลดอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
- ลดความพิการทางสมอง (Neural tube defect = NTD) ของทารก
นอกจากนี้ผลการวิจัยบางฉบับระบุว่า วิตามินบี 9 ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในอาการดังต่อไปนี้
- ลดความเสี่ยงในการพิการแต่กำเนิด (Birth defect) ได้ถึงร้อยละ 72–100 หากใช้ก่อนเริ่มตั้งครรภ์และระหว่าง 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
- อาจลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
- ช่วยบำรุงสมองที่เสื่อมตามอายุและช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม (Dementia) อื่นๆ
- อาจช่วยลดอาการหดหู่ซึมเศร้า
สำหรับปริมาณความต้องการวิตามินบี 9 นั้น ในสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณในผู้ใหญ่เป็น 400 mcg ต่อวัน ในหญิงมีครรภ์ 600 mcg ต่อวัน ในหญิงให้นมบุตร 500 mcg ต่อวัน ส่วนในสหภาพยุโรปได้กำหนดปริมาณอยู่ที่ 200 - 400 mcg ต่อวัน
วิตามินบี 9 เป็นวิตามินที่คนขาดมาก อาจเป็นเพราะไม่ได้รับอาหารพอเพียง การดูดซึมไม่ดี การเผาผลาญผิดปกติ โดยอาการเบื้องต้นของผู้ขาดโฟเลต ได้แก่ อ่อนเพลีย หงุดหงิด และเบื่ออาหาร หากมีการขาดอย่างรุนแรงจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หรือที่เรียกว่า Megaloblastic anemia
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรมีความเสี่ยงสูงในการขาดวิตามินบี 9 สูงเพราะต้องใช้วิตามินในการเติบโตของเนื้อเยื่อระหว่างตั้งครรภ์และสูญเสียไปทางน้ำนมขณะให้นมบุตร
เราสามารถหาโฟเลตได้จากอาหารหลากชนิด ที่พบมากที่สุด คือ ตับ ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว จมูกข้าวสาลี (Wheat germ) และยีสต์ แหล่งอื่น ได้แก่ ไข่แดง นม และผลิตภัณฑ์ของนม บีทรูท น้ำส้ม และขนมปังโฮลวีท
แหล่งข้อมูล
1. Vitamin B9. http://www.nutri-facts.org/eng/vitamins/vitamin-b9-folic-acid/at-a-glance/ [2016, February 13].