ยาฝังคุมกำเนิด (ตอนที่ 4 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 20 กรกฎาคม 2561
- Tweet
ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด (ต่อ)
- อาจทำให้เป็นสิวหรืออาจทำให้สิวแย่ลง
- ไม่สามารถใช้ยากลุ่มเอนไซม์อินดิวเซอร์ (Enzyme-inducing drugs)
- ยาฝังคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmissible infections = STIs) ได้ ดังนั้น ยังคงต้องใช้ถุงยางอนามัยด้วยในการป้องกันโรค
ทั้งนี้ ยาฝังคุมกำเนิดอาจไม่เหมาะกับผู้ที่
- คาดว่าจะท้อง
- ไม่ต้องการให้ประจำเดือนมีการเปลี่ยนแปลง
- ใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้ยาฝังคุมกำเนิดไม่ได้ผลเท่าที่ควร ซึ่งได้แก่ ยาที่ใช้รักษา
- การติดเชื้อเฮชไอวี
- โรคลมบ้าหมู (Epilepsy)
- วัณโรค (Tuberculosis) และ
- ยาสมุนไพรที่ชื่อ St. John's wort
- เป็นหรือเคยเป็นโรคดังต่อไปนี้
- โรคหลอดเลือดแดง (Arterial disease) หรือมีประวัติการเป็นโรคหัวใจ หรือ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคเกี่ยวกับตับ
- โรคมะเร็งเต้านม
- มีเลือดออกทางช่องคลอด เช่น กรณีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
สำหรับเรื่องความเสี่ยงของยาฝังคุมกำเนิดนั้นไม่ค่อยมี ยกเว้น เรื่องโรคมะเร็งเต้านมที่งานวิจัยในปัจจุบันยังมีความสับสนและขัดแย้งกันอยู่ว่า ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมน (Hormonal contraception) อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเล็กน้อยในการเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมน
นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาบางฉบับที่กล่าวว่า ยาฝังคุมกำเนิดจะไม่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในน้ำหนักตัว อารมณ์ ความต้องการทางเพศ หรือทำให้ปวดศีรษะแต่อย่างใด
แหล่งข้อมูล:
- Contraceptive implant. http://www.familyplanning.org.nz/advice/contraception/contraceptive-implant [2018, July 17].
- Contraceptive implant. https://sexwise.fpa.org.uk/contraception/contraceptive-implant [2018, July 17].
- Contraceptive implant. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/contraceptive-implant/about/pac-20393619 [2018, July 17].