มัลติเพิลมัยอีโลมา มะเร็งเอ็มเอ็ม (MM: Multiple myeloma)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

มัลติเพิลมัยอีโลมา(Multiple myeloma) เป็นโรคมะเร็งของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งของไขกระดูก ที่เรียกว่า “พลาสมาเซลล์” (Plasma cell, เม็ดเลือดขาวชนิดสร้างสารภูมิคุ้มกันตานทานโรคให้กับร่างกาย) โดยในโรคเอ็มเอ็มนี้ พลาสมาเซลล์จะมีลักษณะเจริญผิดปกติ เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง และทวีจำนวนขึ้นอย่างมาย จนทำลายเนื้อกระดูกที่อยู่โดยรอบไขกระดูก ก่อให้เกิดอาการปวดกระดูกตำแหน่งที่เกิดโรค และกระดูกส่วนนั้นจะหักได้ง่าย

นอกจากนั้น เซลล์มะเร็งเอ็มเอ็มเหล่านี้

  • ยังรวมตัวกันเป็นก้อนเนื้อมะเร็งตามอวัยวะต่างๆได้ เช่น ที่ผิวหนัง หรือในกระดูก และ
  • เซลล์มะเร็งเหล่านี้ ยังสร้างสารภูมิต้านทานที่เป็นสารโปรตีนชนิดผิดปกติขึ้น ที่สำคัญ คือ ‘Monoclonal protein หรือ M protein (เอ็มโปรตีน)’ และ ‘Beta2 microglobulin’ จึงส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลง จึงติดเชื้อต่างๆได้ง่าย
  • ซึ่งโปรตีนที่ผิดปกติดังกล่าว จะไปจับตามอวัยวะต่างๆ ก่อให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของอวัยวะนั้นๆ โดย เฉพาะไต ส่งผลให้เกิดไตวาย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
  • นอกจากนั้น เซลล์เม็ดเลือดปกติทุกชนิดของไขกระดูก ก็จะถูกแทนที่ด้วยเซลล์มะเร็งเอ็มเอ็มนี้ จนส่งผลถึงการสร้างเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด ลดต่ำลง ผู้ป่วยจึงเกิด
    • ภาวะติดเชื้อได้ง่าย
    • ภาวะซีด
    • และภาวะเลือดออกได้ง่ายร่วมด้วยเสมอ

มัลติเพิลมัยอีโลมา เป็นมะเร็งพบน้อย เป็นมะเร็งของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุเฉลี่ย อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยพบน้อยกว่า 1% ในคนอายุต่ำกว่า 35 ปีลงมา พบเกิดในผู้ชายสูงกว่าในผู้หญิงเล็กน้อย ในสหรัฐอเมริกาพบโรคนี้ในผู้ชาย 7.2 รายต่อประชากรชาย 1 แสนคน และในผู้ หญิง 4.6 รายต่อประชากรหญิง 1 แสนคน

ในประเทศไทย มีรายงานจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี พ.ศ. 2558 พบโรคนี้ในผู้ชาย 1.0 รายต่อประชากรชาย 1 แสนคน และในผู้หญิง 0.8 รายต่อประ ชากรหญิง 1 แสนคน

อนึ่ง มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา (Multiple myeloma) อีกชื่อคือ Plasma cell myeloma แพทย์มักเรียกโรคนี้ย่อว่า โรคเอ็มเอ็ม/ เอมเอม (MM) ซึ่งบางครั้งตัวย่อนี้จะไปซ้ำกับโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Malignant melanoma, MM) ได้

โรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาเกิดจากอะไร? มีปัจจัยเสี่ยงไหม?

มัลติเพิลมัยอีโลมา

มัลติเพิลมัยอีโลมา เป็นมะเร็งที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิด แต่ปัจจัยเสี่ยงหรือโอกาสพบโรค สูงขึ้นมากกว่าบุคคลกลุ่มอื่นคือ

  • ผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
  • พันธุกรรม: เพราะพบโรคนี้ได้สูงขึ้นในคนมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
  • เชื้อชาติ: เพราะพบโรคได้สูงในคนผิวดำมากกว่าในคนผิวขาว
  • อาชีพการงาน: เพราะพบโรคได้สูงขึ้นในคนที่มีอาชีพเกษตรกร หรือเกี่ยวกับอุตสาหกรรม น้ำมัน ทั้งนี้อาจเป็นผลจากการได้รับสารเคมีต่อเนื่อง เช่น ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีในขั้นตอนการผลิตน้ำมัน

โรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมามีอาการอย่างไร?

ไม่มีอาการเฉพาะของมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา แต่ทั่วไปในโรคระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่มี อาการ แต่จะมีอาการในระยะที่โรคเป็นมากแล้ว

โดยเมื่อมีอาการ อาการที่พบบ่อย จะเป็นอาการที่เกิดจาก

  • มีความผิดปกติในการทำงานของไขกระดูก
  • จากการมี ‘เอ็มโปรตีน’สูงในร่างกาย
  • จากมีก้อนเนื้อที่เกิดจากเซลล์มะเร็งรวมตัวกันในอวัยวะต่างๆ
  • และจากกระดูกทั่วร่างกายถูกทำลาย

ก. อาการจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ: คือ เซลล์ปกติของไขกระดูกจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์มะเร็ง จึงเกิดภาวะ

  • เม็ดเลือดขาวที่ปกติต่ำ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • เม็ดเลือดแดงต่ำ ส่งผลให้เกิดภาวะซีด
  • และเกล็ดเลือดต่ำ ส่งผลให้เลือดออกง่าย

ข. อาการจากมีเอ็มโปรตีนในเลือดสูง: เอ็มโปรตีนนี้จึงไปจับตามอวัยวะต่างๆ ทำให้อวัยวะนั้นๆทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะ ไปจับที่ไต ส่งผลให้เกิดภาวะไตวาย เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ นอกจากนั้นยังเป็นสาเหตุให้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคผิดปกติ ผู้ป่วยจึงติดเชื้อได้ง่าย

ค. อาการจากมีการจับรวมตัวกันของเซลล์มะเร็งส่งผลให้เกิดเป็นก้อนเนื้อในอวัยวะต่างๆ: เช่น ที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจึงมาพบแพทย์ด้วยมีก้อนผิดปกติในตำแหน่งต่างๆของร่างกาย

ง. อาการจากกระดูกถูกทำลาย: จะส่งผลให้เกิดอาการ

  • ปวดกระดูกมาก
  • กระดูกหักได้ในหลายๆตำแหน่งทั่วร่างกาย
  • และถ้าเกิดกับกระดูกสันหลังอาจส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกสันหลังหัก
  • และ/ หรือร่วมกับมีเซลล์มะเร็งลุกลามจากกระดูกสันหลังเข้ากดทับไขสันหลัง จนก่อให้เกิดภาวะอัมพาต แขน/ขาอ่อนแรง และ/หรือ มีอาการทางปัสสาวะ/อุจจาระ คือปัสสาวะ/อุจจาระไม่ออก

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการของผู้ป่วย
  • การตรวจร่างกาย
  • การตรวจเลือดซีบีซี (CBC)
  • การตรวจเลือดดูค่าโปรตีนที่ผิดปกติซึ่งจะสูงขึ้นมาก
  • การเอกซเรย์กระดูกต่างๆทั่วร่างกายซึ่งจะพบรอยโรคที่ค่อนข้างเฉพาะสำหรับโรคนี้
  • การเจาะตรวจไขกระดูกเพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา
  • และ/หรือการตัดชิ้นเนื้อจากไขกระดูกเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

โรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมามีกี่ระยะ?

มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมามีการจัดแบ่งระยะโรคได้หลายแบบ แต่ที่นิยมคือ จัดตามระบบของ ISS (International staging system) โดยแบ่งโรคเป็น 3 ระยะตาม

  • ปริมาณค่าโปรตีน Beta2- microglobulin และค่าโปรตีน Albumin ในเลือด (โดยการตรวจเลือดด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ) ซึ่งความรุนแรงโรคจะสูงขึ้นตามค่าโปรตีนเหล่านี้ที่สูงขึ้น
  • ปริมาณค่าเอนไซม์ LDH ในเลือด(LDH/ Lactase dehydrogenase คือ เอนไซม์ที่ใช้กระบวนการทำงานของเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย โดยเฉพาะ เซลล์เม็ดเลือด และเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเมื่อเซลล์เหล่านี้ บาดเจ็บ เสียหาย ตาย LDHในเลือดจึงสูงขึ้น โดยค่าปกติของ LDHหน่วยเป็น Unit/Litre, U/L จะขึ้นกับแต่ละห้องปฏิบัติการ ทั่วไปประมาณ 100–190 U/L)
  • และการมีสารพันธุกรรม/จีน/ยีน/Gene ผิดปกติ

ทั้งนี้ ระยะโรคของโรคเอ็มเอ็ม คือ

  • ระยะที่ 1 หรือ กลุ่ม1: ได้แก่
    • ค่า Beta2- microglobulin น้อยกว่า 3.5 มิลลิกรัม/ลิตร
    • ค่า Albumin มากกว่า/เท่ากับ 3.5กรัม/เดซิลิตร
    • ค่า LDH ปกติ
    • จีนอยู่ในกลุ่ม โรคไม่รุนแรง
  • ระยะที่ 2 หรือกลุ่มที่2 : ไม่ใช่โรคระยะที่ 1 หรือ ระยะที่ 3
  • ระยะที่ 3 หรือ กลุ่มที่3: ได้แก่
    • ค่า Beta2- microglobulin มากกว่า/เท่ากับ 5.5 มิลลิกรัม/ลิตร ไม่ว่าค่า Albumin จะ เป็นเท่าไรก็ตาม
    • และจีนอยู่ในกลุ่มโรครุนแรง
    • และ/หรือ ค่า LDH สูงกว่าปกติ

โรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมารักษาอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคเอ็มเอ็ม ได้แก่

ก. การรักษามะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาในระยะที่ไม่มีอาการ แต่แพทย์วินิจฉัยได้จากการตรวจ เลือดเพื่อวินิจฉัยโรคอื่นๆ ได้แก่

  • จะยังไม่มีการรักษา
  • แพทย์จะใช้วิธีเฝ้าติดตามอาการ จนกว่าผู้ป่วยมีอาการ จึงจะให้การรักษา

ข. วิธีรักษามะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาระยะที่มีอาการ:

  • อาจเป็นการให้ยาต่างๆ เช่น
    • ยาเคมีบำบัด
    • ยาสเตียรอยด์
    • ยารักษาตรงเป้า/ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง (เช่น ยา Bortezomib)
  • บางครั้งอาจเป็นการฉายรังสีรักษา กรณีมีก้อนเนื้อ หรือมีอาการปวดกระดูกจากการลุกลามของโรค
  • บางครั้งอาจเป็นการผ่าตัด กรณีกระดูกหักหรือเซลล์มะเร็งลุกลามเข้าไขสันหลัง
  • การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์/การปลูกถ่ายไขกระดูก (แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือด การปลูกถ่ายไขกระดูกในโรคมะเร็ง)
  • และบ่อยครั้ง เป็นการรักษาร่วมกันระหว่างวิธีต่างๆดังกล่าว ทั้งนี้ขึ้นกับ
    • ระยะโรค
    • อาการผู้ป่วย
    • ดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
    • และความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว

มีผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาขึ้นกับวิธีรักษา คือ

  • ยาเคมีบำบัด: เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ภาวะซีด และการติดเชื้อจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจากเคมีบำบัด และ/หรือรังสีรักษา: การดูแลตนเอง) และการ มีเลือดออกได้ง่ายจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
  • ยารักษาตรงเป้า/ ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง: ชนิดที่ใช้รักษาโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมามีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ ท้องผูก ท้องเสีย มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ อ่อน เพลีย ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว หัวใจเต้นผิดปกติ ตับอักเสบ
  • รังสีรักษา: ผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปขึ้นกับตำแหน่งอวัยวะที่ได้รับการฉายรังสีรักษา (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง รังสีรักษา)
  • การผ่าตัด: เช่น การสูญเสียอวัยวะ การเสียเลือด แผลผ่าตัดติดเชื้อ และเสี่ยงต่อการดมยาสลบ
  • การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์/การปลูกถ่ายไขกระดูก: แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือด การปลูกถ่ายไขกระดูกในโรคมะเร็ง

อนึ่ง ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดรวมทั้งโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาจะสูงขึ้นอีก เมื่อ

  • ใช้หลายวิธีรักษาร่วมกัน
  • เมื่อมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง
  • ในผู้สูบบุหรี่
  • เมื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • และในผู้สูงอายุ

โรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมามีการพยากรณ์โรคเป็นอย่างไร?

มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาเป็นมะเร็งที่มีการพยากรณ์โรค/ ธรรมชาติของโรครักษาควบคุมได้ค่อนข้างยาก และ จากการที่โรคมักเกิดในผู้สูงอายุ จึงยิ่งเป็นข้อจำกัดในการใช้วิธีรักษาต่างๆ เช่น ยาเคมีบำบัด ยารักษาตรงเป้า และ/หรือ การปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคนี้มักเสียชีวิตจากผลข้างเคียงของโรค ที่สำคัญคือ

  • จากภาวะติดเชื้อที่รุนแรง เนื่องจากโรคนี้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ และ
  • จากภาวะไตวาย ซึ่งเป็นผลจากเซลล์มะเร็งสร้างโปรตีนผิดปกติที่จะไปจับในไต จนเป็นเหตุให้ไตเสียการทำงาน

นอกจากนั้น ผู้ป่วยมักมีคุณภาพชีวิตที่ด้อยลงไปมาก

  • จากการปวดกระดูกเรื้อรังที่รักษาควบคุมได้ยาก
  • จากภาวะกระดูกหักง่าย และ
  • จากอัมพาตจากเซลล์มะเร็งลุกลามเข้าไขสันหลัง

อนึ่ง ความรุนแรงของมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา นอกจากขึ้นกับธรรมชาติของโรคเองแล้ว ยังขึ้นกับ

  • ระยะโรค
  • จำนวนชิ้นกระดูกที่มีโรครุกราน/ลุกลาม
  • ค่าแคลเซียมในเลือดที่สูงขึ้น
  • ประสิทธิภาพการทำงานของไต
  • อายุ
  • และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ที่รวมถึงโรคร่วมต่างๆด้วย

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป ค่ากึ่งกลางของการมีชีวิต(Median survival) จะประมาณได้ดังนี้

  • โรคระยะที่ 1: มีค่ากึ่งกลางของการมีชีวิตนานมากกว่า 60 เดือนขึ้นไป
  • โรคระยะที่ 2: มีค่ากึ่งกลางของการมีชีวิต ประมาณ 50-80 เดือน และ
  • โรคระยะที่ 3: มีค่ากึ่งกลางของการมีชีวิต ประมาณ 30-40 เดือน

มีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาไหม? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีตรวจคัดกรองให้พบโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาตั้งแต่ในระยะที่ยังไม่มีอาการ

และดังกล่าวแล้วว่า ไม่มีอาการเฉพาะของมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา ดังนั้นเมื่อมีอาการผิด ปกติต่างๆที่อาการเลวลงเรื่อยๆ ไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเองในระยะเวลาประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ แต่ถ้าเป็นอาการรุนแรงก็ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที เช่น แขนขา อ่อนแรง/เป็นอัมพาต เป็นต้น

ป้องกันโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมาอย่างไร?

เมื่อดูจากปัจจัยเสี่ยงดังได้กล่าวใน ‘หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันการเกิดมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา ซึ่งการป้องกันที่พอเป็นไปได้คือ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีต่างๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรหาวิธีป้องกัน เช่น การสวมใส่หน้ากากป้องกันการสูดดมสารเหล่านั้น เป็นต้น

ดูแลตนเองอย่างไร? ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิดรวมทั้งมะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา จะมีหลักการและวิธีการที่คล้ายคลึงกัน ปรับใช้ด้วยกันได้ ที่สำคัญคือ

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ ใช้ยา ที่แพทย์สั่ง ให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
  • ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อ
    • อาการต่างๆเลวลง เช่น ปวดกระดูกมากขึ้น
    • มีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น แขนขาชา หรืออ่อนแรง
    • มีไข้โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับท้องเสีย
    • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น วิงเวียนศีรษะมาก ขึ้นผื่น
    • เมื่อกังวลในอาการ

นอกจากนั้น แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง

  • การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • และเรื่อง การดูแลตนเอง การดูแลผู้ป่วยเคมีบำบัด

บรรณานุกรม

  1. Halperin,E., Wazer, D., Perez,C., and Brady,L. (2013). Principle and practice of radiation oncology.(6th ed). Walter KLUWER/Lippincott Williams & Wilkins. Philadelphia.
  2. Imsamran,W . et al. (2015). Cancer in Thailand. Volume. V, 2010-2012. Thai National Cancer Institute. Ministry of Public Health
  3. Nau,K. et al. (2008). Multiple myelom. Am Fam Physician. 78, 853-859.
  4. Palumbo, A., and Anderson, K. (2011). Multiple myeloma. NEJM. 364,1046-1060
  5. http://www.cancer.ca/en/cancer-information/cancer-type/multiple-myeloma/treatment/targeted-therapy/?region=on [2019,Feb2]
  6. https://emedicine.medscape.com/article/204369-overview#showall [2019,Feb2]
  7. https://en.wikipedia.org/wiki/Multiple_myeloma [2019,Feb2]
  8. https://www.cancer.org/cancer/multiple-myeloma/detection-diagnosis-staging/staging.html [2019,Feb2]
  9. https://www.cancer.org/cancer/multiple-myeloma/detection-diagnosis-staging/survival-rates.html [2019,Feb2]