ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท (Chemotherapy effects on central nervous system)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) คือ ยา สารเคมีที่ใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งหายจากโรคก็มาก แต่ก็เช่นเดียวกับยารักษาโรคทุกชนิดที่จะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายด้วยซึ่งก็พบได้บ่อย เช่น ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน กดการทำงานของไขกระดูก ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวลดลงจึงติดเชื้อง่าย ซึ่งผลข้างเคียงต่างๆที่กล่าวมานั้น เป็นที่ทราบกันดี แต่ยังมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทซึ่งพบได้บ้างไม่บ่อยนัก จึงขอเล่าให้ฟัง เพื่อที่เราจะได้รู้วิธีการดู แลตนเองให้ดีขึ้น

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทคืออะไร?

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทคือ ผลของยาเคมีบำบัดดังกล่าวทำให้ระ บบประสาทได้รับผลกระทบ เช่น ความจำลดลง ชาตามมือ เท้า แขน ขา แขนขาอ่อนแรง มีอา การเซ/เดินเซ เป็นต้น

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทเกิดขึ้นได้อย่างไร?

กลไกที่แน่ชัดของผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท ยังไม่ทราบ แต่จากการศึกษา สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจาก

  • การทำลายคุณสมบัติและหน้าที่ของ Blood-brain barriers (เยื่อกั้นระหว่างสมองและหลอดเลือด) ให้เสียไป ทำให้ยาเคมีบำบัดมีผลต่อเนื้อเยื่อสมอง
  • นอกจากนี้ อาจเกิดจากมีการทำลายโปรตีน และดีเอ็นเอ จึงส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันต้าน ทานโรค
  • และมีการทำลายและรบกวนการซ่อมแซมเซลล์ประสาท จึงมีผลกระทบต่อการทำงานของเส้นประสาทต่างๆได้ด้วย

ทั้งนี้ ยังไม่มีการศึกษาที่ระบุได้แน่ชัดว่า ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทนั้น พบได้บ่อยมากน้อยเพียงใด แต่พบได้ไม่บ่อยเท่าอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น การกดไขกระ ดูก ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน

อาการที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทมีอะไรบ้าง?

อาการจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทที่เกิดขึ้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

  • ต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ สมองและไขสันหลัง เช่น มีอาการความจำลดลง ชัก ซึม แขนขาอ่อนแรง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ต่อระบบประสาทส่วนปลาย คือ เส้นประสาท ซึ่งพบบ่อย คือ การชาลักษณะแบบใส่ถุงมือถุงเท้า/ชาทั้งนิ้วมือทั้งหมด ฝ่ามือ จนมาถึงข้อมือ (Glove and stocking pattern) เดินเซ/อาการเซ อาการอ่อนแรงของมือและเท้า ปวดประสาทจากเส้นประสาทอักเสบ หรือจากการเสื่อมสภาพของเส้นประสาท

อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท?

ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท คือ

  • วิธีการให้ยาเคมีบำบัด เช่น การให้ยาฯผ่านทางการเจาะน้ำไขสันหลัง (Intrathecal route) ก็ส่งผลต่อสมอง เยื่อหุ้มสมองโดยตรง ซึ่งผลกระทบจะสูงกว่าการให้ยาฯเข้าหลอดเลือดดำ เป็นต้น
  • ชนิดของยาเคมีบำบัด เพราะยาเคมีบำบัดแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทแตกต่างกัน
  • ขนาดของยาที่ต้องให้ในแต่ละครั้ง และขนาดรวมในการรักษาทั้งหมด
  • การรักษาร่วมกับการฉายรังสี/รังสีรักษาบริเวณระบบประสาท
  • โรคประจำตัว เช่น โรคสมอง โรคเบาหวาน

เมื่อมีอาการควรพบแพทย์เมื่อไร?

กรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดแล้วมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น

  • ถ้าอาการนั้นไม่รุนแรงก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบในการพบแพทย์ครั้งถัดไป
  • แต่ถ้าอาการนั้นรุนแรงหรือไม่สบายใจ ก็ควรไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เพื่อแจ้งอาการผิดปกติดังกล่าวให้แพทย์ทราบ

แพทย์ทราบได้อย่างไรว่าเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด?

แพทย์จะทราบได้ว่าอาการผิดปกตินั้นๆ เป็นผลจากยาเคมีบำบัด โดย

  • จะใช้ข้อมูลจากประวัติที่ได้รับยาเคมีบำบัดว่า มีความสัมพันธ์กับอาการที่เกิดขึ้นอย่างไร และลักษณะของความผิดปกติดังกล่าวว่า น่าจะมีความผิดปกติที่สมอง และ/หรือที่เส้นประสาท
  • โดยจะต้องตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจว่า
    • อาการนั้นๆไม่ได้เกิดจากมีโรคมะเร็งกระจายมาที่สมอง ไขสันหลัง และ/หรือที่เส้นประสาท
    • หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผลข้างเคียงจากยาอื่นๆที่ไม่ใช่ยาเคมีบำบัด เช่น ยา สเตียรอยด์ เป็นต้น

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

การพยากรณ์โรคกรณีผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท ได้แก่

  • กรณีที่พบอาการผิดปกติได้เร็ว ให้การวินิจฉัยได้เร็ว และสามารถปรับเปลี่ยนสูตรยาเคมีบำบัดได้ อาการก็จะค่อยๆดีขึ้น หลังหยุดยาเคมีบำบัด
  • แต่ถ้าพบว่าสมองหรือเส้นประสาทนั้นๆ ถูกทำลายหรือมีพยาธิสภาพมากแล้ว การหยุดยาก็จะทำให้อาการไม่เป็นมากขึ้น แต่อาการก็อาจไม่หายเป็นปกติ

รักษาผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทได้อย่างไร?

การรักษาผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท คือ

  • การหยุดยาเคมีบำบัดดังกล่าว
  • และรักษาประคับประคองตามอาการต่ออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นตามอาการที่พบ เช่น ให้ยารักษาอาการ ชา หรืออาการอ่อนแรง เป็นต้น

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีอาการจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาท?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?

การดูแลตนเองเมื่อมีผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทที่ดี คือ

  • ต้องหมั่นสัง เกตตนเองว่า มีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าพบอาการผิดปกติ ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • หมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ
  • และไม่ควรทาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือสมุนไพร เพิ่มเติมจากยาที่แพทย์สั่ง เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ส่งผลให้อาการ/ผลข้างเคียงรุนแรงขึ้นได้
  • กรณีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นในขณะนอนรักษาในโรงพยาบาล ก็ควรรีบแจ้งให้แพทย์ พยาบาล ทราบทันที
  • เมื่ออยู่บ้าน กรณีมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการใดๆก็ตาม หรือมีอาการของการติดเชื้อ (เช่น มีไข้ ไอมาก หรือ ปัสสาวะแสบ ขัด) หรือเมื่อกังวลในอาการ ก็ควรต้องรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเสมอ

ป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประสาทได้หรือไม่?

ปัจจุบันมีการศึกษาจำนวนมากเพื่อการลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบประ สาท เช่น

  • การผลิตยาที่ออกฤทธิ์โดยตรง เฉพาะกับเซลล์มะเร็ง/ยารักษาตรงเป้า /ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy) เพื่อไม่ให้ยาส่งผลกระทบถึงระบบประสาท
  • การให้สารบางชนิด เช่น แมกนีเซียม (Magnesium) และแคลเซียมก่อนให้ยาเคมีบำบัดบางชนิด พบว่า อาจช่วยลดผลข้างเคียงได้
  • แต่การให้วิตามิน อี, สาร กลูตาไธโอน (Glutathione), หรือ สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ข้อมูลทางการศึกษาทางการแพทย์ ยังไม่แน่ชัด

สรุป

ดังนั้น ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัด ควรหมั่นสังเกตว่า ตนเองมีความผิดปกติของระบบประสาทเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าพบควรรีบแจ้งให้แพทย์ พยาบาล ให้ทราบ เพื่อการรักษา แก้ไขที่ทันเวลา และเพื่อป้องกันไม่ให้ความผิดปกตินั้นๆเป็นมากขึ้น