ปฏิวัติสุขภาพ ปฏิเสธยาปฏิชีวนะ (ตอนที่ 2)

อย่ากินยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อไวรัสอย่างเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ทางที่ดีที่สุดคือควรปล่อยให้ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่เป็นไปตามอาการ บางครั้งอาจใช้เวลา 2 สัปดาห์หรือมากกว่า ถ้ามีอาการแย่ลงหลังจากป่วยมากกว่า 2 สัปดาห์ก็ควรปรึกษาแพทย์ แพทย์สามารถให้คำแนะนำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ขณะที่ร่างกายของท่านกำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัส

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรจึงจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ คำตอบขึ้นกับว่าอะไรคือสาเหตุการติดเชื้อของท่าน คำแนะนำเบื้องต้นมีดังนี้

  • ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่สามารถถูกกำจัดโดยยาปฏิชีวนะ
  • ไอ หรือ หลอดลมอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามหากเจ็บป่วยเป็นเวลานาน อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจใช้ยาปฏิชีวนะ
  • เจ็บคอ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตามการเจ็บคอจากเชื้อ Steptococcusแพทย์จะเป็นผู้สั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ
  • การติดเชื้อที่หู ยาปฏิชีวนะถูกใช้ในบางกรณี
  • การติดเชื้อที่ไซนัส ยาปฏิชีวนะถูกใช้เสมอ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีน้ำมูกไหลหรือเสมหะสีเหลืองหรือเขียว ก็ไม่หมายความว่าต้องใช้ยาปฏิชีวนะเสมอไป

ถ้าหมอสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ ท่านควรจะกินยาจนหมด แม้ว่าท่านจะมีอาการดีขึ้นใน 2 - 3 วัน เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่อาจหลงเหลืออยู่เกิดการดื้อยาได้ อย่ากินยาปฏิชีวนะโดยปราศจากใบสั่งแพทย์ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าท่านมียาปฏิชีวนะเหลืออยู่จากการป่วยครั้งที่แล้ว อย่ากินยาจนกว่าแพทย์จะบอกว่ายาใช้ได้ผล

ยาอาจจะไม่ได้ผลต่อเชื้อ ถ้ายาได้ผลบางทียาอาจจะไม่เพียงพอที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพิ่มโอกาสที่เชื้อจะดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ท่านสามารถป้องกันการติดเชื้อได้โดยปฏิบัติให้ถูกสุขลักษณะ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำการสัมผัสอุจจาระ(เช่น จากสัตว์เลี้ยง หรือ การเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก) ก่อนทานอาหาร

การดื้อยาปฏิชีวนะเป็นรูปแบบหนึ่งของการดื้อยาของเชื้อจุลชีพ ซึ่งก็คือเชื้อแบคทีเรียที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เมื่อใช้ยาปฏิชีวนะ 1 หรือหลายชนิด ถ้าเชื้อโรคดื้อต่อยาหลายตัวเราเรียกว่า Multidrug resistance (MDR) การดื้อยาปฏิชีวนะเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะ

การดื้อยาปฏิชีวนะ เป็นปัญหาสาธารณสุขในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรค จะดื้อต่อยาปฏิชีวนะทางเลือกลำดับแรก ซึ่งทำให้ต้องใช้ยาทางเลือกลำดับที่ 2 ซึ่งมักจะมีราคาสูงกว่า และหายากกว่า เชื้อโรคอาจจะอยู่ในรูปแบบเดิม หรือมีการกลายพันธ์ของยีน หรือ ได้รับการถ่ายทอด จีน/ยีน (Gene) ดื้อยาจากแบคทีเรียสายพันธ์อื่น

การใช้ยาปฏิชีวนะสามารถเพิ่มแรงกดดันทางเลือกต่อเชื้อแบคทีเรีย ที่ยอมให้แบคทีเรียซึ่งดื้อยาสามารถเจริญเติบโตและแบคทีเรียที่ทนต่อยาได้ยังไม่ตาย ขณะที่การดื้อต่อยาปฏิชีวนะดูเป็นเรื่องธรรมดามากและจำเป็นต้องอาศัยทางเลือกอื่นมากขึ้น แต่การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ๆ ก็มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องในจำนวนชนิดของยาปฏิชีวนะที่ได้รับการรับรอง

แหล่งข้อมูล:

  1. Antibiotics: When They Can and Can't Help - http://familydoctor.org/familydoctor/en/drugs-procedures-devices/prescription-medicines/antibiotics-when-they-can-and-cant-help.printerview.all.html [2013, April 13].
  2. Antibiotics - http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/antibiotics.html [2013, April 13].