บูเซอรีลิน (Buserelin)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาบูเซอรีลิน(Buserelin หรือ Buserelin acetate) เป็นสารประกอบคล้ายฮอร์โมนสังเคราะห์ หรือที่เรียกว่า Gonadotropin-releasing hormone (GnRH) agonist ทางคลินิก นำมาใช้รักษา มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และเนื้องอกมดลูก

ยาบูเซอรีลิน มีรูปแบบเภสัชภัณฑ์เป็นยาสเปรย์(Spray)ทางจมูกและแบบฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ตัวยานี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเพศของร่างกายที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้มะเร็งและเนื้องอกเจริญเติบโต

ยาบูเซอรีลินมีข้อห้ามใช้และข้อควรระวังบางประการที่ผู้ป่วย/ผูบริโภคควรทราบเช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยาบูเซอรีลิน
  • ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา
  • ห้ามใช้กับสตรีที่มีประจำเดือนมามากโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างอาจได้รับผลกระทบจากการใช้ยานี้ อาทิ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

ก่อนการใช้ยาบูเซอรีลิน แพทย์จะต้องตรวจร่างกายและดูความผิดปกติของฮอร์โมนเพศในกระแสเลือด หากพิจารณาแล้วพบว่าผู้ป่วยเหมาะสมที่จะได้รับยานี้ แพทย์จะนัดผู้ป่วยมารับการให้ยาเป็นระยะๆไป

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลความปลอดภัยของยาบูเซอรีลินที่ผู้บริโภค/ผู้ป่วยควรทราบเพื่อทำความเข้าใจและใช้เป็นแนวทางในการดูแลตนเองในการสื่อสารกับ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ระหว่างการรักษาได้อย่างถูกต้อง อย่างเช่น

  • ระหว่างที่ใช้ยาชนิดนี้ในช่วงสัปดาห์แรก อาจทำให้ฮอร์โมนเพศของผู้ป่วย เพิ่มขึ้นชั่วคราว ซึ่งจะทำให้อาการของผู้ป่วยดูแย่ลง ระหว่างนี้จึงควรอยู่ภายใต้ การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • ระหว่างใช้ยานี้ ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจเลือด เพื่อคัดกรองว่ามีสภาวะโรคเบาหวานเล่นงานหรือไม่ โดยตรวจเป็นระยะๆตามคำสั่งแพทย์
  • ในระยะยาว ยานี้มีฤทธิ์ทำให้ระดับฮอร์โมนต่างๆของร่างกายลดต่ำลง ส่งผล ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น ทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์ทางเพศน้อยลง ผิวแห้ง เกิดสิว ชีพจรเต้นผิดปกติ กรณีเช่นนี้ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อช่วยบำบัดอาการดังกล่าวได้

ยาบูเซอรีลินแบบยาชนิดฉีด จะมีการใช้งานแต่ในสถานพยาบาลเท่านั้น เพื่อประสิทธิผลในการรักษา ผู้ป่วยต้องมารับการให้ยาอย่างสม่ำเสมอ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของ แพทย์ พยาบาล อย่างใกล้ชิด

อนึ่ง หากผู้ป่วยมีข้อสงสัยการใช้ยานี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากแพทย์ ผู้ที่ทำการรักษา หรือสอบถามจากเภสัชกรในสถานพยาบาลนั้นๆได้

บูเซอรีลินมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

บูเซอรีลิน

ยาบูเซอรีลินมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • บำบัดรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • บำบัดอาการโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • รักษาโรคเนื้องอกมดลูก

บูเซอรีลินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาบูเซอรีลิน มีกลไกการออกฤทธิ์เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมน Testosterone ของเพศชาย และยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน Estrogen ของเพศหญิง ฮอร์โมนทั้ง 2 ตัว มีผลกระตุ้นเซลล์มะเร็งและเซลล์เนื้องอกให้เจริญเติบโตขึ้น จากการยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเพศในร่างกายของยานี้ จึงทำให้ มะเร็งต่อมลูกหมาก เนื้องอกมดลูก และภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดการชะลอตัวในการเจริญเติบโต จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น

บูเซอรีลินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาบูเซอรีลินมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • ยาฉีด ที่ประกอบด้วยตัวยา Buserelin acetate ขนาด 1 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
  • ยาสเปรย์เข้าทางจมูก ที่ประกอบด้วยตัวยา Buserelin acetate 15.75 มิลลิกรัม/ขวด

บูเซอรีลินมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาบูเซอรีลินมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น

ก. สำหรับบำบัดรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก:

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไป: เริ่มต้นฉีดยา 0.5 มิลลิกรัม เข้าใต้ผิวหนังทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน แล้วใช้ยาชนิดสเปรย์พ่นเข้าจมูกขนาด 0.2 มิลลิกรัมวันละ1ครั้ง โดยระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี: โรคนี้เป็นโรคในผู้ใหญ่ ทางคลินิกจึงยังไม่มีข้อมูลการใช้ยานี้ในคนกลุ่มวัยนี้

ข. สำหรับบำบัดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่:

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: เริ่มต้นฉีดยาขนาด 0.2-0.5 มิลลิกรัม เข้าใต้ผิวหนังวันละ 1 ครั้ง หากจำเป็น แพทย์อาจต้องเพิ่มขนาดฉีดยาเป็น 0.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง โดยระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี : โรคนี้เป็นโรคในผู้ใหญ่ ทางคลินิกจึงยังไม่มีข้อมูลการใช้ยานี้ในผู้ป่วยกลุ่มวัยนี้

อนึ่ง:

  • ผู้ป่วยควรมารับการฉีดยาตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
  • ระหว่างการใช้ยานี้ อาจต้องได้รับการตรวจเลือดร่วมด้วยเป็นระยะๆตามคำสั่งแพทย์ เช่น การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด หรือตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศในเลือด

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียง ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยา บูเซอรีลิน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาบูเซอรีลินอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้นหรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?

หากลืมมารับการฉีดยา บูเซอรีลิน ให้รีบทำการนัดหมายกับ แพทย์ พยาบาลหรือ บุคคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อมารับการให้ยาโดยเร็ว ไม่ควรหยุดการรักษาไปเฉยๆโดยมิได้ขอคำปรึกษาจากแพทย์

หากลืมพ่นยาบูเซอรีลิน สามารถพ่นยาได้ทันที โดยใช้ปริมาณยาในขนาดเดิม ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

บูเซอรีลินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาบูเซอรีลินสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น รู้สึกไม่สบายในระบบทางเดินอาหาร
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ชีพจรเต้นผิดปกติ
  • ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ: เช่น รู้สึกร้อนวูบวาบ น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดผื่นคัน เกิดสิว ผิวแห้ง ผมร่วง
  • ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น กระสับกระส่าย
  • ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น หยุดหายใจ แน่นหน้าอก จมูกแน่น/คัดจมูก ปอดบวม หลอดลมอักเสบ
  • ผลต่อระบบสืบพันธุ์: เช่น ทำให้ช่องคลอดแห้ง ปัสสาวะขัด/ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด สมรรถภาพทางเพศถดถอย

มีข้อควรระวังการใช้บูเซอรีลินอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาบูเซอรีลิน เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สียาเปลี่ยนไป ยาตกตะกอนแข็ง
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ปัสสาวะขัด ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • ระหว่างใช้ยานี้ หากเกิดอาการผิดปกติต่างๆกับร่างกาย เช่น แน่นหน้าอก ปัสสาวะมีเลือดปน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก ฯลฯ ให้รีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • ปฏิบัติตามคำสั่ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดแพทย์ทุกครั้ง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาบูเซอรีลินด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพร ต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

บูเซอรีลินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาบูเซอรีลินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • ห้ามใช้ยาบูเซอรีลินร่วมกับยา Disopyramide, Amiodarone , Sotalol, และQuinidine, ด้วยจะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติตามมา
  • การใช้ยาบูเซอรีลินร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน อาจก่อให้มีผลกระทบทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยา ให้เหมาะสมเป็นกรณีไป

ควรเก็บรักษาบูเซอรีลินอย่างไร?

ควรเก็บยาบูเซอรีลิน ภายใต้อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

บูเซอรีลินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาบูเซอรีลิน ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Suprefact E (ซูพรีแฟค)sanofi-aventis

อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ เช่น Suprecur, CinnaFact, Buserol , Zerelin, Buserecur, Supremon, Suprefact

บรรณานุกรม

  1. http://www.mims.com/thailand/drug/info/suprefact%20e/?type=brief[2017,April29]
  2. https://www.drugs.com/mmx/buserelin-acetate.html[2017,April29]
  3. https://en.wikipedia.org/wiki/Buserelin[2017,April29]
  4. http://www.mims.com/thailand/drug/info/suprefact%20depot/[2017,April29]