บุหรี่ไฟฟ้า (ตอนที่ 1)

มีรายงานข่าวจากสำนักงานข่าวบีบีซีว่า รัฐสภาแห่งยุโรป (Members of the European Parliament = MEPs) ได้ลงคะแนนเสียงในการตั้งกฏเกณฑ์ที่จะป้องกันวัยรุ่นไม่ให้สูบบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic cigarettes หรือ E-cigarettes) โดยมีมติว่า จะไม่นับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งหมายความว่าการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าจะทำได้อย่างจำกัดขึ้น

โดยจะมีการเริ่มบังคับใช้เป็นกฎหมายของรัฐสภาแห่งยุโรป ในปี พ.ศ.2557 และอีก 2 ปี จะใช้เป็นกฏหมายบังคับในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union -EU) จำนวน 28 ประเทศ

คณะกรรมการกล่าวว่า ในแต่ละปีมีชาวยุโรปที่เสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการสูบประมาณเกือบ 700,000 ราย หรือเท่ากับจำนวนประชากรเมืองแฟรงก์เฟิรต์ของประเทศเยอรมัน หรือจำนวนประชากรเมืองปาเลอร์โมของประเทศอิตาลี ทั้งนี้มีการประมาณค่าใช้จ่ายในการรักษาของประเทศในสหภาพยุโรปว่าอย่างต่ำเท่ากับ 25.3 พันล้านยูโรต่อปี

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ประจุแบตเตอรี่ที่ส่งผ่านนิโคตินไปยังผู้สูบ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมที่ชาร์ทได้หลายครั้ง (Rechargeable lithium battery) หลอดเล็กใส่ของเหลวที่เรียกว่า Cartomizer และหลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) ที่ปลายมวน เมื่อมีการสูบโดยเปิดไฟ LED จะมีการกระตุ้นให้เกิดการเผาไหม้ของยาสูบ ทั้งนี้ของเหลวที่อยู่ในหลอดจะประกอบด้วย โพรพิลีนไกลคอล (Propylene glycol) นิโคติน (Nicotine) สารแต่งกลิ่นและรสต่างๆ

บุหรี่ไฟฟ้ามีหลายรูปแบบและหลายขนาด บางอันดูคล้ายบุหรี่ยาว แต่บางอันดูคล้ายซิการ์หรือไปป์ แต่ทั้งหมดทำงานในลักษณะเดียวกัน กล่าวคือ

  • ผู้ใช้สูบทางปาก
  • การเคลื่อนตัวของอากาศเป็นตัวตัดระบบไฟแบตเตอรี่
  • ความร้อนจะทำให้นิโคตินเหลวในหลอดระเหยกลายเป็นไอ ผู้ใช้สามารถเลือกแบบที่ไม่มีนิโคตินได้
  • ความร้อนจะทำให้โพรพิลีนไกลคอลที่อยู่ในหลอดระเหย
  • ผู้ใช้จะสูบไอร้อนที่ให้ความรู้สึกเหมือนการสูบยาสูบ
  • เมื่อผู้ใช้หายใจออก อาจจะมีไอระเหยของโพรพิลีนไกลคอลที่มองเหมือนควันซึ่งจะค่อยๆ ลดลง

ในอดีต มีการคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้าครั้งแรกในราวปี พ.ศ.2503 แต่ยังไม่เป็นที่นิยมจนถึงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันมีบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 250 ยี่ห้อที่วางขายในตลาด มีหลายรสชาติและหลายสี เช่น รสแตงโม รสหมากฝรั่งสีชมพู (Pink bubble gum) เป็นต้น

สมาคมบุหรี่ไอระเหยไฟฟ้า (The Tobacco Vapor Electronic Cigarette Association) มีการประเมินว่า ปัจจุบันมีชาวอเมริกันประมาณ 4 ล้านคนที่กำลังใช้บุหรี่แบตเตอรี่อยู่ ซึ่งยอดขายน่าจะมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ชุดทดลอง(Starter kits) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30-100 เหรียญสหรัฐ แต่ราคาของหลอดเล็กใส่ของเหลว (Cartridges) จะอยู่ปีละประมาณ 600 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่เป็นซองๆ ในปริมาณ 1 ซองต่อวัน ที่มีราคามากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐต่อปี

แหล่งข้อมูล:

  1. MEPs tighten anti-tobacco laws aimed at young smokers. http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-24439474 [2013, October 23].
  2. 5 Things You Need to Know About E-Cigarettes. http://abcnews.go.com/Health/facts-cigarettes/story?id=20345463 [2013, October 23].
  3. What's an E-Cigarette? http://www.webmd.com/smoking-cessation/features/ecigarettes-under-fire [2013, October 23].