บอกเล่าเก้าสิบ ตอนที่ 4 ผมอยากตาย

บอกเล่าเก้าสิบ

“คุณหมอครับ ผมอยากตาย เพราะผมลำบากเดินไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ทำงานก็ไม่ได้ ผมกลายเป็นภาระของคนทั้งบ้าน” ผมได้รับฟังคำพูดของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันที่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยรายนี้อายุเพียง 46 ปี เริ่มเป็นโรคพาร์กินสันตั้งแต่อายุ 40 ปี ช่วงแรกของการรักษาอาการดีขึ้นมาก จนเกือบปกติ ต่อมาหลังจากนั้น 3 ปีอาการก็เริ่มทรุดลง ผู้ป่วยจึงปรับยาเพิ่มขึ้นเอง โดยไม่ได้ปรึกษาหมอ แต่ใช้วิธีมารับยากับหมอและซื้อยาจากร้านขายยาเพิ่มเติม จนกระทั้งไม่สามารถควบคุมอาการได้จึงมาพบหมออีกครั้ง ซึ่งตอนที่หมอโรงพยาบาลชุมชนส่งมาตรวจกับผมนั้น อาการก็รุนแรงมาก ผมพยายามปรับยาอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ไม่ดีมากนัก จึงทำให้ผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้า และรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมองเฉพาะส่วนที่สร้างสารสื่อประสาทโดพามีน ส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวผิดปกติและอาการอื่นๆ ที่ทำงานช้าลงไปหมดเกือบทุกส่วนของร่างกาย ทั้งระบบทางเดินอาหารและลำไส้ อารมณ์ ระบบประสาทอัตโนมัติ โดยส่วนใหญ่แล้วพบบ่อยในผู้สูงอายุ กรณีผู้ป่วยรายนี้เป็นตั้งแต่อายุน้อยๆ ผลการรักษาจะตอบสนองดีช่วงแรก แต่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังได้ง่าย ยิ่งผู้ป่วยรายนี้มีการปรับยาเอง ก็จะยิ่งทำให้โรคมีความรุนแรงและเกิดผลแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น

ผมมักจะแนะนำกับผู้ป่วยพาร์กินสันทุกคนว่าโรคนี้เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง ธรรมชาติของโรคจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาจะต้องมีการปรับยาเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังพบว่าถ้ามีการใช้ยาลีโวโดป้าขนาดสูง ก็จะเป็นการเร่งให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้น

เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น เหมือนรถยนต์เก่าเครื่องก็มีการสึกหรอ ถ้าเราต้องการให้รถยนต์คันนี้ใช้งานได้อีกนานก็ต้องค่อยๆ วิ่ง อย่าขับเร็ว อย่าเร่งรถให้มากเกินไป เพราะเครื่องยนต์อาจพังได้ ถ้าเราค่อยๆ วิ่ง ใช้เท่าที่จำเป็นก็สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อีกนาน โรคพาร์กินสันก็เหมือนกันถ้าเราค่อยๆ ปรับยาให้อาการดีพอใช้ ไม่ต้องใช้ยาขนาดสูงให้อาการดีมาก ก็จะนำให้โรคค่อยๆ ดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ถ้าเราใช้ยาขนาดสูงเหมือนเหยียบคันเร่งอย่างแรง อาการก็จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ในผู้ป่วยรายนี้ ยังมีภาวะซึมเศร้าซึ่งเกิดขี้นได้จากโรคพาร์กินสันเองและอาจเกิดจากที่ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่สามารถทำงานได้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยคิดมากว่าเป็นภาระของคนในครอบครัว จึงคิดที่ฆ่าตัวตาย ผมจึงต้องค่อยๆ อธิบายถึงวิธีการรักษาโรค การอยู่กับโรคให้ได้และต้องปรับทัศนคติใหม่ว่าชีวิตของเรายังมีค่า เป็นหลักของครอบครัวได้ถึงแม้จะไม่สามารถประกอบอาชีพ หารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับครอบครัวในส่วนอื่นๆ ได้ ที่สำคัญคือ คุณค่าของทุกคนมีอยู่แล้ว ถ้าเราไม่คิดในทางลบต่อตนเอง

การเข้าใจธรรมชาติของโรคที่เป็น การเข้าใจธรรมชาติของชีวิตร่วมด้วย ก็จะทำให้เราอยู่กับโรคนั้นอย่างมีความสุข เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธโรคนั้นๆ ได้ ก็ควรต้องอยู่กับโรคนั้นอย่างมีความสุข ขอบคุณพาร์กินสัน