บอกรักแม่ด้วยความรัก…. (รักษ์) …. สมอง

บอกรักแม่ด้วยความรักษ์สมอง

วันแม่ปีนี้และในทุกๆปี ลูกๆ ทุกคนไปกราบไหว้แม่และอวยพรขอให้แม่ของเราทุกคนมีความสุขกาย สุขใจ พร้อมกับนำของฝากไปให้แม่มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ขนม เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอื่นๆ แต่หารู้ไม่ว่าของฝากบางอย่างอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับแม่ของเราได้ หรือพาแม่ไปเที่ยว นอนพักที่โรงแรม ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพสมองผู้สูงอายุ กันดีกว่า

1. ผู้สูงอายุจะมีความสามารถในการจำ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับวัยหนุ่มสาว แต่ความจำเรื่องเก่าๆ ในอดีตนั้นจะสามารถจำได้ดี ไม่ลืม ดังนั้นเราจึงสังเกตเห็นว่าแม่เราจะชอบพูดแต่เรื่องเก่าๆ เล่าเรื่องราวลูกหลานในวัยเด็กๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ ข่าว เหตุการณ์ปัจจุบัน อาจจำได้ไม่ดีนัก เมื่อวานนี้อาจพูดคุยเรื่องนี้ แต่วันรุ่งขึ้นก็อาจจำไม่ได้แล้ว ซึ่งภาวะแบบนี้ก็ยังถือว่าเป็นภาวะปกติในผู้สูงอายุ ดังนั้นถ้าแม่ถามแล้วถามอีก อย่าหงุดหงิด

2. ผู้สูงอายุจะนอนหลับยาก ตื่นง่าย ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาทำอาหาร ใส่บาตร กวาดบ้านแต่เช้า พอสายๆ ก็อาจนอนพัก 15-30 นาที พอลูกหลานเห็นแม่ลุกมาแต่เช้า ก็จะชอบบ่นว่าแม่ทำไมไม่นอนพัก ตื่นแต่เช้า เดี๋ยวก็เวียนหัว เป็นลมหรอก จริงๆ แล้วการที่แม่ตื่นแต่เช้านั้นก็เป็นไปตามธรรมชาติของผู้สูงอายุ การตื่นแต่เช้าได้ทำกิจกรรมที่แม่ทำมาเป็นประจำตั้งแต่สาวๆนั้นเป็นสิ่งดีอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้แม่มีกิจกรรมทำสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเสื่อมของสมองได้ และการมีกิจกรรมก็ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง คล่องตัว การเข้านอน และตื่นนอนเป็นเวลา ก็จะทำให้ระบบการนอนของแม่เป็นไปตามปกติ ไม่เกิดปัญหาภาวะนอนไม่หลับ การตื่นมาแต่เช้า ได้รับแดดอ่อนๆ ช่วงเช้านั้น ก็จะทำให้กระดูกแข็งแรงด้วย

แต่ก็ต้องมีสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องระวังถ้าตื่นเช้ามากๆ แสงสว่างยังสว่างไม่พอ เห็นไม่ชัด ต้องระวังการลื่นล้มด้วย และในช่วงที่ตื่นมาใหม่ๆ ถ้ายังไม่สดชื่น ต้องระวังการเวียนศีรษะด้วย โดยการค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอน แล้วนั่งพักสักครู่ แล้วยืนให้นิ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่เวียนศีรษะ ไม่เซ ก็เดินไปทำกิจกรรมได้

3. ผู้สูงอายุจะตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยๆ หลังจากนอนหลับไปแล้ว เกิดจากที่ฮอร์โมนควบคุมการขับปัสสาวะผิดปกติ การดื่มน้ำก่อนนอนปริมาณมาก เพราะมียาทานก่อนนอนหลายชนิด ปัญหาการกลั้นปัสสาวะ การตื่นกลางดึกบ่อยๆ เพราะวงจรการนอนสั้น ลูก หลาน ต้องระมัดระวังการลื่นล้มให้ดี อาจต้องจัดให้ห้องนอนอยู่ใกล้ห้องน้ำ พื้นห้องน้ำต้องแห้ง ไม่มีสิ่งกีดขวางการเดิน แสงสว่างต้องเพียงพอ การให้ใส่ผ้าอ้อมอนามัยแทนการเข้าห้องน้ำนั้น ควรใช้เฉพาะกรณีที่ผู้สูงอายุมีปัญหาการเดินลำบาก กลั้นปัสสาวะไม่ได้เลย การใช้ผ้าอ้อมอนามัยเป็นประจำ ก็จะยิ่งทำให้ผู้สูงอายุไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่ได้เดิน ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ง่าย

4. ผู้สูงอายุจะมีปัญหาการขับถ่าย พบทั้งท้องผูก และถ่ายกระปริดกระปรอย ต้องกระตุ้นให้แม่ทานอาหารที่มีกากใยอาหาร ผัก ผลไม้มากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น และเข้าห้องน้ำขับถ่ายให้เป็นเวลา ต้องดูด้วยว่ายาที่ทานประจำนั้นทำให้ท้องผูกหรือท้องเสียหรือไม่ ควรกระตุ้นและฝึกให้แม่เข้าห้องน้ำเพื่อการขับถ่ายเป็นเวลา ถ้ามีปัญหาการกลั้นปัสสาวะ ก็ต้องฝึกการทานอาหาร การดื่มน้ำ และการเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะเป็นเวลา เช่น หลังทานอาหาร 2 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางหรือออกจากบ้าน จะได้ไม่มีการค้างของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ และเกิดปัญหากลั้นปัสสาวะไม่ได้เมื่อปวดปัสสาวะ

5. ผู้สูงอายุมีอาการสับสนช่วงค่ำ หรือกลางคืน จำคนไม่ได้ อาจมีภาพหลอน เห็นคนที่เสียชีวิตไปแล้วมาหา ทำให้ลูกหลานตกใจ กลัวว่าแม่จะเสียชีวิต เพราะมีคนจะมาเอาชีวิตแล้ว จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรเลวร้าย หรือเป็นลางบอกเหตุใดๆ เพียงแค่ผู้สุงอายุมีภาวะสับสนเฉียบพลัน ซึ่งมีสาเหตุที่พบบ่อย คือ ภาวะสมองเสื่อม ยาแก้คัน ยาแก้แพ้อากาศ ยาลดน้ำมูก เป็นไข้ ท้องผูกรุนแรง นอนไม่หลับต่อเนื่องหลายวัน หรือการเปลี่ยนสถานที่พักอาศัย ไปเที่ยวในที่แปลกใหม่ ก็เกิดอาการสับสนเฉียบพลัน ซึ่งอาการที่พบบ่อย คือ การเห็นภาพหลอนคนรุ่นเก่าๆ (มักมีอายุมาก จึงเป็นคนเสียชีวิตส่วนใหญ่) มาหา มาพูดคุยด้วย ลูกหลานจึงตกใจ เข้าใจว่าเป็นลางร้าย ลางสังหรณ์ ไม่ต้องตกใจครับ เพียงแค่ลูก หลานอธิบาย บอกซ้ำๆ ว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไร อยู่ที่ไหน ไม่มีใครมาคุยหรือมาหา และต้องมีการพูดคุยกับแม่บ่อยๆ ใครเดินเข้าออกบ้านหรือที่พัก ต้องพูดทักทาย แนะนำตัวทุกครั้ง เพราะท่านจะได้ไม่สับสน โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ พลบค่ำ หรือกลางคืน

6. ผู้สูงอายุมักจะถามซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่าหงุดหงิดท่าน สาเหตุเกิดจากนิสัยของแม่ที่เป็นคนละเอียด กลัวผิดพลาด หรือเกิดจากการมีภาวะความจำลดลง ลูกหลานต้องหมั่นสังเกตว่ามีสาเหตุจากอะไร โดยต้องดูว่าคุณแม่ของเรานั้น ก่อนหน้านี้มีบุคคลิกแบบใด เป็นคนละเอียดหรือไม่ ชอบพูดแล้วพูดอีกหรือไม่ ถ้าไม่เคยเป็นแบบนี้ ก็ต้องสงสัยว่าจะมีปัญหาจากความจำผิดปกติ ซึ่งต้องสังเกตุต่อว่ามีอาการผิดปกติอย่างอื่นๆ อีกหรือไม่ เช่น การเดินผิดปกติ เดินไม่สะดวก เดินเซ ลุกเดินลำบาก กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะราดหรือไม่ ทำอะไรช้าลงหรือไม่ ถ้ามีต้องสงสัยว่าจะมีปัญหาภาวะสมองเสื่อม

การทานอาหารบำรุงสมองหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาบำรุงสมองที่ลูกหลานนิยมซื้อมาฝากเป็นของขวัญนั้น ต้องระมัดระวังว่ามีข้อห้าม ข้อควรระวังในการใช้ร่วมกับยาที่ทานเป็นประจำหรือไม่ อย่าลืมว่าแม่เรามียาที่ทานเป็นประจำหลายชนิด อาหารเสริมหรือยาบำรุงบางชนิดมีการทำให้ระดับยาที่ใช้อยู่มีการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องระวังอย่างยิ่ง

การทานยาเพิ่มความจำที่ได้รับจากแพทย์ในช่วงแรกก็ต้องมีความระมัดระวัง เพราะอาจพบอาการแทรกซ้อน เช่น ซึมลง ง่วงนอน เบื่ออาหาร ท้องเสีย สับสน ได้เช่นกัน

7. ผู้สูงอายุจะมีอาการวิงเวียนศีรษะได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงเช้า หลังตื่นนอน หรือในวันที่นอนไม่ค่อยหลับ ก็จะมีอาการวิงเวียนศีรษะได้ง่าย สาเหตุของการวิงเวียนศีรษะที่พบบ่อยในผู้สูงอายุนั้นเกิดจากการที่นอนหลับไม่สนิท หลับไม่พอ การเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมอง สิ่งที่ลูก หลานต้องให้การเอาใจใส่ต่อแม่ของเรา คือ ต้องแนะนำให้แม่ค่อยๆ ลุกจากที่นอน ยืนให้มั่นคงแล้วจึงเดิน ถ้ามีอาการวิงเวียนศีรษะ อย่าเพิ่งลุกจากที่นอน ให้เรียกลูก หลานไปดูและช่วยพยุงในการลุกขึ้น จะได้ลดโอกาสการล้มลงกับพื้น หมั่นสังเกตุว่าอาการวิงเวียนศีรษะนั้นสัมพันธ์กับการทานยาหรือไม่ ถ้าพบว่าสัมพันธ์กันต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อมาพบแพทย์ในครั้งถัดไป แต่ถ้ามีอาการวิงเวียนมากหลังทานยา ก็ควรหยุดยาที่ทานและรีบพบแพทย์จะดีที่สุด

ถ้ามีอาการวิงเวียนศีรษะเป็นประจำ อย่าใช้ยาแก้วิงเวียนต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบประสาทได้ ก่อให้เกิดกลุ่มอาการคล้ายพาร์กินสันได้ จึงควรปรึกษาแพทย ดีกว่าการซื้อยาแก้วิงเวียนทานเองเป็นประจำ

8. ผู้สูงอายุชอบทำงานบ้าน ก้มๆ เงยๆ หันซ้าย หันขวาบ่อยๆ อาจทำให้วิงเวียนศีรษะและล้มง่าย กิจกรรมที่แม่ทำมักเป็นงานบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ปัดฝุ่น ทั้งที่พื้น ฝาผนัง เพดาน และหลังตู้ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีในการทำงาน แต่ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คือ อาจล้มจากการวิงเวียนศีรษะหรือปัญหาการทรงตัวไม่ดี เพราะการเปลี่ยนท่าทางไวๆ และหลายท่าทางนั้น จะทำให้วิงเวียนศีรษะง่ายขึ้น เพราะความสามารถในการทรงตัวและปรับเปลี่ยนท่าทางต่างๆ ของผู้สูงอายุนั้นจะลดลง ไม่เหมือนเด็กๆ หรือหนุ่มสาว เราจึงต้องหมั่นดูแลท่าน คอยแนะนำ คอยช่วยเหลือตามความเหมาะสม อย่าห้ามท่านทำกิจกรรม เพราะจะทำให้แม่เบื่อ หมดความสำคัญ แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ต้องแนะนำให้แม่ออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูระบบการทรงตัว เช่น การเคลื่อนไหวของศีรษะไปในทุกทิศทางอย่างช้าๆ เป็นประจำ ย้ำว่าต้องฝึกการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

9. ผู้สูงอายุจะมีอาการมือสั่น หยิบจับอะไรไม่แน่น ไม่มั่นคง ทานข้าวก็ไม่สะดวก ดื่มน้ำก็ไม่สะดวก หกหล่นได้ง่าย ไม่เรียบร้อย เราในฐานะที่เป็นลูกหลานต้องคอยดูแลการทานข้าว ดื่มน้ำให้ดี อย่าต่อว่าท่านว่าทำไมไม่ทานให้เรียบร้อย สาเหตุของอาการมือสั่น เกิดจากอายุที่มากขึ้น การสั่นตามอายุไม่ร้ายแรง (benign essential tremor) สั่นจากยาที่ทาน(ยาแก้วิงเวียนศีรษะ) โรคพาร์กินสัน ถ้าไม่แน่ใจว่าจะมีสาเหตุของมือสั่นที่รุนแรงหรืออาการสั่นนั้นเป็นมากขึ้น รวดเร็ว ก็ควรปรึกษาแพทย์

10. ผู้สูงอายุมักมียาทานหลายชนิด เพราะมีโรคประจำตัวหลายโรค และยังมียาที่ทานเพื่อรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อย นอนไม่หลับ อืดแน่นท้อง และอื่นๆ อีกแล้วแต่ว่าจะมีอาการอะไร บางครั้งแม่อาจทานยาผิดพลาดได้ เช่น หยิบยาผิดเนื่องจากมองเห็นไม่ชัดเจน เม็ดยามีลักษณะคล้ายกันมาก ยาซ้ำซ้อน ยาหลุดมือ ทานแล้วทานอีกเพราะจำไม่ได้ หรือไม่ได้ทานยาเพราะลืม ดังนั้นเราต้องดูแลการทานยาของแม่อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยาที่ไม่ควรทานต่อเนื่อง คือ ยาแก้วิงเวียนศีรษะ ยาแก้ปวดเมื่อย เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียจากการใช้ยา เช่น กลุ่มอาการผิดปกติคล้ายพาร์กินสัน แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไตเสื่อม เป็นต้น

*วันแม่ปีนี้ ขอให้ลูกๆ ทุกคน ใส่ใจในสุขภาพสมองของแม่เราทุกคน ดูแลเอาใจใส่ และใส่ใจอย่างใกล้ชิด รักแม่ รักษ์สุขภาพสมองแม่ของเราทุกคน ด้วยการเข้าใจที่ถูกต้องครับ