น้ำเข้าหู (Swimmer’s ear)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คืออะไร?

หลายท่านคงเคยประสบปัญหาน้ำเข้าหูมาแล้ว อาจเกิดระหว่าง ว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือสระผม เป็นต้น ทำให้เกิดอาการหูอื้อ รู้สึกเหมือนมีเสียงน้ำอยู่ในหู การได้ยินลดลง ก่อให้เกิดความรำคาญขึ้น

หลายท่านพยายามจะเอาน้ำออกหูด้วยวิธีต่างๆ เช่น ตะแคงศีรษะแล้วตบที่หู เอาน้ำหยอดไปอีกครั้งเพื่อให้น้ำเต็มหูและออกมาเอง หรือบางคนใช้ไม้แคะหูปั่นหูเพื่อเอาน้ำออกจนเกิดแผลถลอกและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของหูชั้นนอกตามมาได้ ภาวะที่หูชั้นนอกอักเสบนั้นเรียกว่า “Otitis externa หรือ Swimmer’s ear” นั่นเอง

(แนะนำอ่าน ความหมายของหูชั้นนอกจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หู:กายวิภาคของหู/สรีรวิทยาของหู)

หูชั้นนอกอักเสบมีอาการอย่างไร?

น้ำเข้าหู

 

อาการของหูชั้นนอกอักเสบติดเชื้อ คือ ปวดหู  หูอื้อ มีน้ำหรือน้ำเหลืองไหลจากหู แพทย์ตรวจจะพบมีช่องหูบวมแดง, มองเห็นแก้วหูไม่ชัด (ใช้เครื่องมือส่องดูในช่องหู), กดเจ็บบริเวณหน้าใบหู, โยกใบหูแล้วเจ็บมากขึ้น

เมื่อน้ำเข้าหูควรทำอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

โดยทั่วไป ช่องหูชั้นนอกจะเป็นรูปตัวเอส (S) ฉะนั้นเมื่อมีน้ำเข้าหู แนะนำให้เอียงศีรษะเอาหูข้างที่น้ำเข้าลงต่ำและดึงใบหูให้กางออก โดยดึงขึ้นบนและไปทางด้านหลังเพื่อทำให้ช่องหูอยู่ในแนวตรง ทำให้น้ำสามารถไหลออกมาได้ง่าย ไม่ควรปั่นหรือแคะหูเพราะจะทำให้หูอักเสบ แต่ถ้าปฏิบัติด้วยวิธีดังกล่าวเบื้องต้นแล้วน้ำยังไม่ออกจากช่องหู แนะนำพบแพทย์หูคอจมูก

แนวทางการตรวจรักษาน้ำเข้าหูและหูชั้นนอกอักเสบทำอย่างไรบ้าง?

ในการตรวจและดูแลรักษา แพทย์จะส่องตรวจหูด้วยเครื่องมือประเมินอาการบวมอักเสบของช่องหูว่า มีอาการมากน้อยเพียงใด ถ้าพบมีอาการบวมมาก แพทย์มักจะใส่สำลีชุบยาฆ่าเชื้อ (Ear wick) ไว้ที่หูชั้นนอกร่วมกับให้ยาหยอดหู และนัดเปลี่ยน Ear wick ประมาณ 48 - 72 ชั่วโมง

ยาที่ผู้ป่วยได้รับ เช่น  ยาหยอดหู เช่นยา Sofradex เป็นต้น และให้กินยาแก้อักเสบ/ยาปฏิชีวนะ เช่นยา Cloxacillin เพื่อยาครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคส่วนใหญ่ซึ่งคือ Staphylococcus aureus แต่ถ้าผู้ ป่วยมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน อาจใช้ยาเป็น Ciprofloxacin เพื่อครอบคลุมเชื้อ Pseudomonas aeruginosa เป็นต้น

 ส่วนยาอื่นๆมักใช้เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการปวด (เช่น ยาพาราเซตามอล) ทั้งนี้ขึ้นกับ อาการ, ความรุนแรงของอาการ, และดุลพินิจของแพทย์/แพทย์หูคอจมูก

ทั้งนี้ แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการอาจทุก 2 - 3 วันตามความรุนแรงของอาการและตามดุลพินิจของแพทย์/แพทย์หูคอจมูกจนกระทั่งอาการหายเป็นปกติ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 7 - 14 วัน

มีผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากหูชั้นนอกอักเสบไหม?

ส่วนใหญ่โรคนี้ ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์เร็วจึงพบผลข้างเคียงแทรกซ้อนน้อยมาก แต่ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการปวดมาก  บางคนช่องหูบวมแดงตีบทำให้การได้ยินลดลง และในผู้ป่วยกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่องหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน เมื่อมีการอักเสบมักรุนแรงมาก ถ้ารักษาไม่ทันอาจมีผลต่อเส้นประสาทเลี้ยงบริเวณใบหน้าทำให้มีใบหน้าเบี้ยว หรือถ้าเป็นมากขึ้นอาจติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นสมอง (สมองอักเสบ)  ซึ่งอาจเป็นสาเหตุถึงตายได้

หลังพบแพทย์แล้วควรดูแลตนเองอย่างไร?

หลังพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูกแล้ว การดูแลตนเอง คือ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด  ซึ่งโดยทั่วไปอาการปวดบวมจะทุเลาลงเรื่อยๆจนกระทั่งหายเป็นปกติ

โดยคำแนะนำทั่วไป เช่น

  • ไม่ให้น้ำเข้าหู
  • ไม่ปั่นหรือแคะหู
  • ทานยาและหยอดยาตามคำแนะนำของแพทย์/แพทย์หูคอจมูก

นอกจากนั้น คือ ควรต้องพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูกตามนัดเสมอ, และควรพบก่อนนัดเมื่อ

  • มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
  • หรืออาการต่างๆเลวลง เช่น
  • ปวดหูมากขึ้น
  • หูบวมแดงมากขึ้น
  • ปวดหัวมาก
  • หรือเกิดมีไข้

กลับไปว่ายน้ำได้เมื่อไร?

เมื่อหายเป็นปกติแล้ว ผู้ป่วยสามารถกลับไปว่ายน้ำได้ตามปกติ แต่แนะนำห้ามน้ำเข้าหูและห้ามปั่นหูเพราะมีโอกาสที่หูชั้นนอกจะอักเสบได้อีก ทั้งนี้ในทางปฏิบัติเพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างแพทย์ /แพทย์หูคอจมูกและผู้ป่วยว่าโรคหายแล้ว ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์/แพทย์หูคอจมูกก่อนกลับไปว่ายน้ำอีกจะเหมาะสมกว่า

เมื่อคันหูควรทำอย่างไร?

ถ้ามีอาการคันหูทั้งในช่วงมีอาการช่องหูอักเสบหรือในภาวะปกติ แนะนำให้ผู้ป่วยดึงขยับใบหู เบาๆจะช่วยบรรเทาอาการคันหูได้ดี โดยไม่ต้องใช้ไม้แคะหูหรือปั่นหู ทั้งนี้การป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูจะเป็นการป้องกันหรือเป็นการรักษาอาการคันหูที่มีประสิทธิภาพที่สุด

การทำให้รอบๆหูและใบหูแห้ง ก็เป็นอีกวิธีช่วยลดอาการคันหู ดังนั้นภายหลังอาบน้ำหรือว่ายน้ำ ควรใช้ผ้าเช็ดตัวแห้งและสะอาดเช็ดทำความสะอาดรอบๆหูและใบหูให้แห้ง

และในคนทั่วไป เมื่อมีปัญหาคันหูมากและบ่อย ควรพบแพทย์หูคอจมูกเพื่อหาสาเหตุและเพื่อการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพราะอาจเกิดจากปัญหามีขี้หูมากหรือมีขี้หูอุดตันหรือช่องหูติดเชื้อราได้

แนวทางการป้องกันน้ำเข้าหูทำอย่างไร?

สำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางหู เช่น แก้วหูทะลุ, หรือใส่ท่อระบายที่แก้วหู, หรือหูชั้นนอกอักเสบบ่อยๆ,  แพทย์มักแนะนำไม่ให้น้ำเข้าหู  ฉะนั้นควรป้องกันอย่างเคร่งครัด  เช่น

  • ในขณะอาบน้ำ ให้ใช้หมวกคลุมผมคลุมลงมาปิดบริเวณใบหู ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและช่วยป้องกันน้ำเข้าหูได้ดี
  • ใส่วัสดุอุดรูหู (Ear plug) ที่นักดำน้ำใช้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหู
  • หรือใช้วัสดุที่หล่อขึ้นเองให้เข้ากับขนาดช่องหู (Ear mold) ซึ่งสามารถกันน้ำได้ดี มีทั้งแบบสำเร็จรูป, และแบบสั่งทำตามโรงพยาบาลที่มีนักตรวจการได้ยิน (มักเป็นโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์) โดยโรงพยาบาลหล่อขึ้นเองให้เหมาะกับหูของบุคคลนั้นๆ

บรรณานุกรม

  1. Joel Guss and Michael J. Ruckenstein. Infections of the External Ear. . In:Cummings Otolaryngology: Head and Neck.5th vol.2.Philadelphia,USA:Lippincott Williams & Wilkins; 2010: 1944-47.
  2. Guthrie RM: Diagnosis and treatment of acute otitis externa: an interdisciplinary update. Ann Otol Rhinol Laryngol Suppl 1999; 176:1-23.
  3. Roland PS, Stroman DW: Microbiology of acute otitis externa. Laryngoscope 2002; 112:1166-1177.
  4. https://www.enthealth.org/conditions/swimmers-ear-otitis-externa/  [2022,Sept24]