ทีบี ในวันนี้ (ตอนที่ 3)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 13 มีนาคม 2559
- Tweet
โดยทั่วไป ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงที่ไม่ได้รับการรักษาจะมีการพัฒนาไปเป็นวัณโรคที่แสดงอาการ ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ผู้ที่เพิ่งได้รับเชื้อวัณโรคไม่นาน ซึ่งได้แก่
- ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
- ผู้ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากบริเวณที่มีอัตราการเกิดวัณโรคสูง
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ที่มีผลตรวจว่าติดเชื้อวัณโรค (Positive TB test)
- กลุ่มคนที่มีอัตราสูงในการเป็นผู้แพร่เชื้อ เช่น คนเร่ร่อน คนติดยา และคนที่ติดเชื้อเฮชไอวี
- คนที่ทำงานหรืออยู่ใกล้กับบริเวณที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น โรงพยาบาล สถานพยาบาล (Nursing homes) เพิงอาศัยของคนเร่ร่อน (Homeless shelters) สถานพินิจ (Correctional facilities) และบริเวณที่อยู่ของผู้ที่ติดเชื้อเฮชไอวี
2. ผู้ที่ป่วยแล้วทำให้ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ ซึ่งได้แก่
- ผู้ติดเชื้อเฮชไอวี
- ผู้ติดสารเสพติด (Substance abuse)
- ผู้ที่เป็นโรคปอดฝุ่นทรายหรือซิลิโคสิส (Silicosis) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การสูดหายใจเอาฝุ่นทรายหรือฝุ่นหินต่างๆ ที่มีสารซิลิคอนไดออกไซด์ หรือที่เรียกว่า ผลึกซิลิก้า เข้าไปในปอด
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- ผู้ที่เป็นโรคไตรุนแรง
- ผู้ที่น้ำหนักตัวน้อย
- ผู้ที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplants)
- ผู้ที่เป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและคอ
- ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
- การรักษาเฉพาะของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) หรือ โรคโครห์น (Crohn’s disease)
ผู้ที่เป็นวัณโรคระยะแฝงอาจจะไม่พัฒนาไปเป็นวัณโรคที่แสดงอาการ ส่วนผู้ที่เป็นวัณโรคระยะแฝงและมีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาไปเป็นวัณโรคที่แสดงอาการ ได้แก่
- ผู้ติดเชื้อเฮชไอวี
- ผู้ที่เคยติดเชื้อวัณโรคมาก่อนในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา
- ทารกและเด็กเล็ก
- ผู้ที่ฉีดสารเสพติด
- ผู้ที่ป่วยด้วยโรคอื่นและทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่เคยเป็นวัณโรคแล้วไม่ทำการรักษาให้ถูกต้อง
แหล่งข้อมูล
1. Tuberculosis (TB)http://www.cdc.gov/tb/topic/basics/default.htm[2016, March 12].
2. Tuberculosis. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tuberculosis/home/ovc-20188556[2016, March 12].