ดักแด้น้อย (ตอนที่ 2 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 9 มิถุนายน 2560
- Tweet
ทารกที่เป็นดักแด้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างทันทีทันใดเป็นการเฉพาะในห้องอภิบาลทารกแรกเกิดหรือที่เรียกว่า หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต (Neonatal intensive care unit =NICU) ทั้งนื้ เพราะทารกจะไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และมีแนวโน้มที่จะสูญเสียน้ำ เกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) และเสียชีวิตจากการติดเชื้อในสัปดาห์แรกหลังคลอด
โดยการดูแลทารกรวมถึง
- การให้สารน้ำและสารอาหารทางสายยาง
- การเฝ้าสังเกตระดับเกลือแร่ (Electrolytes) และโซเดียม
- การให้ความชุ่มชื้นและป้องกันดวงตา กรณีที่ไม่สามารถปิดเปลือกตาลงได้
- การรักษาความร้อน ความชื้น อุณหภูมิของร่างกาย และการป้องกันผิวแตก
- การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- การให้ Retinoids ซึ่งเป็นสารในกลุ่มเบต้าแคโรทีน (Beta carotene) ที่พบตามธรรมชาติ ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อ วิตามินเอและอนุพันธุ์ของวิตามินเอ
ทั้งนี้ การดูแลรักษาผิวต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แตกแห้งจนทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคนี้มักเสียชีวิตตั้งแต่ตอนเป็นทารก อัตราการเสียชีวิตของเด็กดักแด้ค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 50 โดยสาเหตุของการเสียชีวิตมักเกิดจากภาวะหายใจล้มเหลว (Respiratory failure) และติดเชื้อเฉียบพลัน (Fulminant sepsis)
อย่างไรก็ดี เนื่องจากในปัจจุบันมีวิวัฒนาการในการรักษาที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ทารกมีโอกาสรอดชีวิตเป็นเด็กและผู้ใหญ่ได้ โดยผู้ที่รอดมาได้อาจจะมีลักษณะ
- ผิวหนังแห้ง แดง
- ผิวหนา เป็นสะเก็ด
- เคลื่อนไหวได้จำกัดเพราะผิวหนังที่ไม่ยืดหยุ่น
- ผมบางเพราะต่อมรากขน (Hair follicle) ตัน
- พัฒนาการทางร่างกายช้า เพราะแคลอรี่ส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในการซ่อมแซมผิวหนัง (แต่พัฒนาการทางสมองมักจะปกติ)
- รู้สึกร้อนมาก (Overheating) เพราะความสามารถในการระบายเหงื่อน้อยลง
- บกพร่องทางการได้ยินหรือการเห็น เนื่องจากผิวหนังปิดหูและตา
- Harlequin ichthyosis. http://www.webmd.boots.com/skin-problems-and-treatments/guide/harlequin-ichthyosis [2017, June 08].
- Harlequin Ichthyosis. http://emedicine.medscape.com/article/1111503-overview [2017, June 08].
แหล่งข้อมูล: