"ดริงก์อัพ" (ตอนที่ 1)

นางมิเชล โอบามา สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา เริ่มโครงการด้านสาธารณสุขครั้งใหม่ชื่อ "ดริงก์อัพ" (Drink Up) รณรงค์ให้อเมริกันชนเห็นประโยชน์ของการดื่มน้ำเปล่า โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมเครื่องดื่มอเมริกันและสมาคมน้ำดื่มบรรจุขวดนานาชาติ

น้ำเป็นส่วนประกอบของออกซิเจนและไฮโดรเจน ทั่วโลกมีน้ำปกคลุมอยู่ประมาณร้อยละ 71 และถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต น้ำส่วนใหญ่จะเป็นน้ำเค็ม (Saline) โดยร้อยละ 96.5 ของน้ำบนโลกอยู่ในทะเลและมหาสมุทร ร้อยละ 1.7 อยู่ใต้ดิน อีกร้อยละ 1.7 อยู่ที่ธารน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกใต้ (Antarctica) และกรีนแลนด์ (Greenland) และร้อยละ 0.001 พบว่าเป็นไอ เมฆ และหยาดฝนอยู่ในอากาศ

มีเพียงร้อยละ 2.5 ของน้ำบนโลกที่เป็นน้ำบริสุทธิ์ และร้อยละ 98.8 ของน้ำบริสุทธิ์นี้อยู่ที่น้ำแข็งและในใต้ดิน น้อยกว่าร้อยละ 0.3 เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่มาจากแม่น้ำ ทะเลสาบ และบรรยากาศ

น้ำดื่มที่ปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีแคลอรี่หรือสารอินทรีย์ มีการพัฒนาน้ำดื่มให้ปลอดภัยมาเป็นระยะเวลานาน แต่ก็ยังมีอีกประมาณ 1,000 ล้านคน ที่ยังไม่มีน้ำที่ปลอดภัยใช้ และมากกว่า 2,500 ล้านคน ที่ยังขาดสุขอนามัยอยู่ จากการศึกษาพบว่าการเข้าถึงน้ำที่ปลอดภัยมีความสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product = GDP) ต่อหัวด้วย

มีการประมาณว่าภายในปี พ.ศ.2568 มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะต้องประสบกับปัญหาเรื่องน้ำ จากรายงานในเดือนพฤศจิกายน 2552 ได้ระบุว่าภายในปี พ.ศ.2573 ความต้องการ (Demand) น้ำของประเทศที่กำลังพัฒนาจะมีมากกว่าน้ำที่มีอยู่ (Supply) ร้อยละ 50

น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อมนุษย์ เพราะในร่างกายของมนุษย์มีส่วนประกอบของน้ำอยู่ประมาณร้อยละ 70 โดยน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกระบวนการเกี่ยวกับการเผาผลาญอาหาร (Metabolic processes) และเป็นตัวทำละลาย (Solvent)

โดยทั่วไปมีการแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว แต่ในสหรัฐอเมริกานั้นค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวัน (Reference daily intake = RDI) อยู่ที่ 3.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้ชายที่อายุมากกว่า 18 ปี และอยู่ที่ 2.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้หญิงที่อายุมากกว่า 18 ปี ทั้งนี้รวมถึงน้ำที่มีในอาหาร เครื่องดื่ม (Beverages) และน้ำดื่ม จำนวนน้ำที่ต้องการในแต่ละคนจะแตกต่างกันไปขึ้นกับสภาพ การออกกำลังกาย อุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ เราสามารถวัดความต้องการน้ำมากน้อยเพียงใดได้ด้วยอาการกระหายน้ำ

ในแง่ของสารอาหาร ส่วนใหญ่จะมีการพบโซเดียม โพแทสเซียม และคลอไรด์จำนวนเล็กน้อยอยู่ในน้ำ ซึ่งสารเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญอาหารของร่างกาย สารอื่น เช่น ฟลูออไรด์จำนวนเล็กน้อยจะมีประโยชน์ แต่ถ้าหากมีมากเกินไปจะก่อให้เกิดปัญหากับฟันและอื่นๆ

การสูญเสียเหงื่อที่มากทำให้ร่างกายมีความต้องการอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) นั้น อาจทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (Water intoxication) ได้ เพราะมีผลให้เกิดภาวะเกลือโซเดียมต่ำ (Hyponatremia) และการดื่มน้ำเป็นจำนวนมากในอาการรีบเร่งอาจทำให้เสียชีวิตได้

จำนวนน้ำขนาดไหนที่เราควรดื่มต่อวัน เป็นคำถามที่ง่ายแต่หาคำตอบได้ยาก ผลการศึกษาได้แนะนำกันไปหลายอย่าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น สุขภาพ กิจกรรมที่ทำ และสถานที่อยู่อาศัย

แหล่งข้อมูล:

  1. “มิเชลล์ โอบามา” รณรงค์ชาวอเมริกันหันมาดื่ม “น้ำเปล่า” เพื่อสุขภาพ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000115919&Keyword=%ca%d8%a2%c0%d2%be [2013, September 21].
  2. Water. http://en.wikipedia.org/wiki/Water [2013, September 21].
  3. Drinking water. http://en.wikipedia.org/wiki/Drinking_water [2013, September 21].
  4. Water: How much should you drink every day? http://www.mayoclinic.com/health/water/NU00283 [2013, September 21].