ซาซ่ากริปติน (Saxagliptin)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือยาอะไร?

ซาซ่ากริปติน (Saxagliptin) คือ ยาชนิดรับประทานที่ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือ เป็นกลุ่มยาที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไดเปปทิดิวเปปทิเดส-4 (Dipeptidyl peptidase 4 enzyme/เอนไซม์จากเซลล์ลำไส้เล็กที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส/Glucose) หรือที่เรียกสั้นๆว่า “เอนไซม์ DPP-4 (DPP-4 inhibitor)”  ยานี้มีชื่อการค้าในประเทศไทยว่า “อองไกลซา (Onglyza)”

กลไกของยาซาซ่ากริปติน คือ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DPP-4 โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้อง กันการทำลายฮอร์โมนอินครีติน (Incretin hormones, กลุ่มฮอร์โมนจากเซลล์ในลำไส้เล็กที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด) ของร่างกายจากเอนไซม์ DPP-4

อนึ่ง ฮอร์โมนอินครีตินนี้เป็นกลุ่มของฮอร์โมนหลายชนิดโดยมี 2 ชนิดที่สำคัญที่มีชื่อว่า Gastric inhibitory polypeptide (มีชื่อย่อว่า GIP) และ Glucagon-like peptide-1 (มีชื่อย่อว่า GLP-1)

 ทั้งนี้ การยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ก็เพื่อให้มีฮอร์โมน GIP และ GLP-1 อยู่ในกระแสเลือดยาว นานขึ้น เพื่อสามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin hormone) จากตับอ่อนที่ร่างกายใช้ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงปกติหลังการรับประทานอาหาร

การรักษาโรคเบาหวานด้วยการเพิ่มการทำงานของฮอร์โมนอินครีตินด้วยยากลุ่ม DPP-4 inhibitor จะทำให้การทำงานของฮอร์โมนอินครีตินเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น จุดเด่นของยาในกลุ่มนี้คือ ไม่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เนื่องจากฮอร์โมนอินครีตินจะเข้าสู่กระแสเลือดแล้วส่งผลกระ ตุ้นการหลั่งอินซูลินของตับอ่อนก็ต่อเมื่อมีอาหารผ่านลงไปในทางเดินอาหาร (ลำไส้เล็ก) ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าการจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลินของฮอร์โมนอินครีตินจะขึ้นกับระดับน้ำตาลในร่างกาย

ยาซาซ่ากริปตินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

ซาซ่ากริปติน

ยาซาซ่ากริปตินมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้: เช่น

  • สำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดย
  • ใช้เป็นยารักษาเดี่ยวร่วมกับควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
  • หรือใช้ร่วมกับยาเบาหวานชนิดที่ 2 ชนิดอื่นๆ เช่นยา เม็ทฟอร์มิน (Metformin) หรือไกลเบนคลาไมด์ (Glibenclamide) เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ทั้งนี้ไม่ควรใช้ยานี้สำหรับการรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือใช้ในการรักษาภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน (Diabetes Ketoacidosis หรือ DKA) เนื่องจากยาไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะดังกล่าว

ยาซาซ่ากริปตินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินหลังรับประทานอาหารเพื่อนำน้ำตาลจากอาหารเข้าสู่เซลล์ เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ โดยหนึ่งในกระบวนการที่กระตุ้นให้เกิดการหลั่งอินซู ลินคือ การหลั่งของฮอร์โมนอินครีติน (Incretin) ที่บริเวณลำไส้เล็ก โดยมีอาหารที่รับประทานเป็นตัวกระตุ้นให้ฮอร์โมนอินครีตินจับกับตัวรับที่เซลล์ตับอ่อนชนิดที่เรียกว่า เบตาเซลล์ (Beta cell at pancrease) เกิดการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลินออกมา การกระตุ้นโดยผ่านฮอร์โมนอินครีตินนี้มีข้อ ดีคือ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ในผู้ป่วยเบาหวานเพราะการหลั่งของอินซูลินจะขึ้นกับระดับน้ำตาลในทางเดินอาหารและในเลือด

โดยฮอร์โมนอินคริตินที่สำคัญในร่างกายมี 2 ชนิดคือ Gastric inhibitory polypeptide (GIP) และ Glucagon-like peptide-1 (GLP-1) ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนอินครีตินเช่น GIP และ GLP-1 ในกระแสเลือดจากลำไส้เล็กโดยการกระตุ้นจากการรับประทานอาหาร ซึ่งฮอร์โมนอินครีตินจะออก มาสู่กระแสเลือดแล้วส่งผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน จะทำให้ฮอร์โมนอินซูลินถูกหลั่งออก มาจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อนโดยสัมพันธ์กับระดับน้ำตาล แต่ฮอร์โมน GIP และ GLP-1 จะถูกทำ ลายโดยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า ไดเปปทิดิว เปปทิเดส-4 (Dipeptidyl peptidase-4, DPP4) อย่างรวดเร็ว โดย GLP-1 ยังคงออกฤทธิ์กดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน (Glucogon, ฮอร์โมนเพิ่มน้ำตาลในเลือด) จากเซลล์ของตับอ่อนชนิดที่เรียกว่า แอลฟาเซลล์ ( Alpha cell) ซึ่งควบคุมการผลิตน้ำตาลจากตับ(Liver) ให้ลดลง ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ความเข้มข้นของ GLP-1 จะลดลงแต่การตอบสนองของอินซูลินต่อ GLP-1 ยังดีอยู่

ซาซ่ากริปติน เป็นยาในกลุ่มยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DPP-4 จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำ งานของเอนไซม์ DPP-4 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานกลูโคสหรือหลังมื้ออาหาร ซึ่งมีผลทำให้การทำลายฮอร์โมนอินครีตินในกระแสเลือดช้าลง ระดับความเข้มข้นของอินครีตินในเลือดจะเพิ่มขึ้น จึงช่วยลดระดับน้ำตาลช่วงที่อดอาหารและช่วงหลังอาหารได้ โดยการลดลงจะสัม พันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

ยาซาซ่ากริปตินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

รูปแบบที่มีจำหน่ายของยาซาซ่ากริปติน:   

  • ยาเม็ดเคลือบฟิล์ม (Film-coated tablet) สำหรับรับประทาน ขนาด5 และ 5 มิลลิกรัม

ยาซาซ่ากริปตินมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?

ยาซาซ่ากริปตินมีขนาดรับประทาน เช่น

ก. เด็ก : ยังไม่มีการศึกษาถึงข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยานี้ในเด็ก การใช้ ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

         ข. ขนาดยานี้สำหรับการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้ใหญ่: เช่น ใช้ยา 2.5 - 5 มิลลิกรัมวัน ละ 1 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้

         ค. ขนาดยาในผู้ป่วยไตบกพร่องในผู้ใหญ่: เช่น

  • ผู้ป่วยที่มีค่าการทำงานของไต (Creatinine Clearance) มากกว่า 50 มิลลิลิตรต่อนาที: ใช้ยา 5 - 5 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้งก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  • ผู้ป่วยที่มีค่าการทำงานของไต (Creatinine Clearance) น้อยกว่า 50 มิลลิลิตรต่อนาที: เช่น ใช้ยา 2.5 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้งก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  • ผู้ป่วยไตวายระดับรุนแรงหรือผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ต้องมีการล้างไตด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม: เช่น ใช้ยา 2.5 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้งภายหลังการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
  • ยังไม่มีการศึกษาถึงขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการล้างไตผ่านเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneal dialysis)

         ง. ขนาดยาในผู้ป่วยตับบกพร่องในผู้ใหญ่: เช่น ใช้ยา 2.5 - 5 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้งก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่อง

         จ. ขนาดยาในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4/5: เช่น  2.5 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้งก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ (อ่านเพิ่มเติมในบทความนี้ในรายการยาที่มีผลต่อยาซาซ่ากริปตินที่หัวข้อ ยาซาซ่ากริปตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร)

         อนึ่ง เอนไซม์ CYP3A4/5 (Cytochrome P450 3A4/5) คือ เอ็นไซม์สร้างจากตับและลำไส้ที่ทำหน้าที่ในการทำลายและขจัดสารต่างๆรวมทั้งยาต่างๆที่เรารับประทานเพื่อการรักษาโรคต่างๆด้วย ดังนั้นหากรับประทานยาซาซ่ากริปตินคู่กับยาชนิดใดๆที่ยับยั้งการทำงานของเอน ไซม์ CYP3A4/5 จะส่งผลทำให้เอนไซม์ที่ทำลายยาซาซ่ากริปตินลดลง ดังนั้นจึงควรลดขนาดยาซาซ่ากริปตินลง)

*****หมายเหตุ:ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษา แพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมทั้งยาซาซ่ากริปติน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร  เช่น

  • ประวัติแพ้ยา/แพ้อาหาร/แพ้สารเคมีทุกชนิด
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาซาซ่ากริปตินอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรหรือไม่

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

กรณีลืมรับประทานยาซาซ่ากริปตินซึ่งเป็นยาที่มีวิธีการรับประทานยาวันละ 1 ครั้งต่อวัน

  • หากผู้ป่วยลืมรับประทานยาให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้
  • แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานยามื้อถัดไป (เกินกว่าครึ่งหนึ่งของระยะห่างระหว่างมื้อคือ เกิน 12 ชั่วโมงจากเวลารับประทานยาปกติ) ให้ข้ามมื้อยาที่ลืมไป รอรับประทานยามื้อถัดไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า เช่น ปกติรับประทานยาวันละ 1 ครั้งเวลา 8.00 น. หากผู้ป่วยนึกขึ้นได้ว่าลืมรับประทานยามื้อ 8.00 น. ตอนเวลา 12.00 น. ก็ให้รับประทานยามื้อ 8.00 น.ทันทีที่นึกขึ้นได้
  • แต่หากนึกขึ้นได้ในช่วงที่ใกล้กับช่วงเวลาของยามื้อถัด เช่น นึกขึ้นได้ว่าลืมรับประทานยามื้อ 8.00 น. ตอนเวลา 21.00 น. ให้รอรับประทานยามื้อถัดไปคือ 8.00 น.ของวันถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องนำยามื้อที่ลืมรับประทานมารับประทานเพิ่ม

ยาซาซ่ากริปตินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยังไม่มีรายงานผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง) ของยาซาซ่ากริปตินที่ชัดเจน เนื่องจากการศึกษาที่มีเป็นการใช้ยาซาซ่ากริปตินร่วมกับยารักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบอัตราการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่พบจากการศึกษาทางคลินิกของยาชนิดหนึ่งกับยาชนิดอื่นได้โดยตรง

 สำหรับอาการไม่พึงประสงค์ที่มีรายงาน เช่น

  • อาการบวมตามอวัยวะส่วนปลาย (Peripheral edema) เช่น เท้า ขา มือ แขน เมื่อใช้ยานี้ร่วมกับยาเบาหวานกลุ่ม Thiazolidinediones เช่นยา พิโอกลิทาโซน (Pioglitazone)
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เมื่อใช้ยานี้ร่วมกับยากลุ่มกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน (Insulin secretagogues) เช่นยา ไกลเบนคลาไมด์ (Glibenclamide) และ ไกลพิไซด์ (Glipizide)             
  • อาการอื่นๆ เช่น อาการปวดหัว , ปวดท้อง, โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ

มีข้อควรระวังการใช้ยาซาซ่ากริปตินอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาซาซ่ากริปติน เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
  • ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติการเกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไวเกิน (ภาวะไวเกิน) ระดับร้ายแรง เช่น แอนาฟิเล็กซิส (Anaphylaxis) หรือ แองจิโออีดีมา (Angioedema, อาการบวมทั่วตัวจากการขยายตัวของหลอดเลือดแดง) ต่อยาในกลุ่มเดียวกันกับยาซาซ่ากริปตินคือ ยาที่มีผลยับยั้งการทำ งานของเอนไซม์ ดีดีพี-4 (DDP-4 inhibitor) เช่น ไวดากริปติน (Vidagliptin), ซิตากริปติน (Sitagliptin), ไลนากริปติน (Linagliptin)
  • มีรายงานการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) หลังจากผู้ป่วยได้ รับยาซาซ่ากริปติน แต่ยังไม่มีการศึกษาในผู้ป่วยที่มีประวัติเคยเกิดตับอ่อนอักเสบว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือไม่หากใช้ยานี้
  • การใช้ยาซาซ่ากริปตินร่วมกับยาในกลุ่มกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เช่น ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) เช่นยา ไกลเบนคลาไมด์ (Glibenclamide), ไกลพิไซด์ (Glipizide) ฯลฯ สามารถทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้ ดังนั้นอาจจำเป็นต้องลดขนาดยากลุ่มกระตุ้นการหลั่งอินซูลินลง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโดยขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • การใช้ยานี้ในช่วงกำลังตั้งครรภ์ มีเฉพาะการศึกษาที่ไม่พบอันตรายในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ดีและเพียงพอสำหรับยืนยันการใช้ยาในสตรีตั้งครรภ์เพราะไม่สามารถทำนายผลในคนได้เสมอไป ดังนั้นควรเลือกใช้ยานี้เฉพาะมีความจำเป็นและควรได้รับการพิจารณาประโยชน์จากแพทย์แล้ว
  • การใช้ยาในช่วงให้นมบุตร มีการศึกษาพบว่ายานี้ถูกขับออกทางน้ำนมในหนู แต่ไม่มีข้อมูล ในคน ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในสตรีระหว่างให้นมบุตร
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง:  ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาซาซ่ากริปตินด้วย) ยาแผนโบราณ   อาหารเสริม   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ยาซาซ่ากริปตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาซาซ่ากริปตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • ยาซาซ่ากริปตินถูกทำลายผ่านทางเอนไซม์หลักคือ CYP3A4/5 ดังนั้นหากใช้ยานี้ร่วมกับยาที่มีผลต่อการยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4/5 ที่ออกฤทธิ์ได้แรง เช่นยา คีโตโคลนาโซล (Ketoconazole: ยาต้านเชื้อรา), อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir: ยาต้านไวรัส), อินดินาเวียร์ (Indinavir: ยาต้านไวรัส), ริโทนาเวียร์ (Ritonavir: ยาต้านไวรัส), ซาควินาเวียร์ (Saquinavir: ยาต้านไวรัส), เนวฟินาเวียร์ (Nelfinavir: ยาต้านไวรัส), เนฟฟาโซโดน (Nefazodone: ยาต้านซึมเศร้า), คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin: ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) จะมีผลทำให้เกิดการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4/5 ที่ใช้ในการทำลายยาซาซ่ากริปติน ดังนั้นเมื่อใช้ยาเหล่านี้ร่วมกันกับยาซาซ่ากริปติน จึงควรจำกัดขนาดยาซาซ่ากริปตินที่ควรรับเพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาซาซ่ากริปติน

ควรเก็บรักษายาซาซ่ากริปตินอย่างไร?

แนะนำเก็บยาซาซ่ากริปติน: เช่น

  • เก็บยา ณ อุณหภูมิห้อง
  • เก็บยาให้พ้นจากแสงแดด และแสงสว่าง ที่กระทบยาได้โดยตรง
  • หลีกเลี่ยงนำยาสัมผัสกับความร้อนที่มาก เช่น เก็บยาในรถที่ตากแดด หรือเก็บยาในห้องที่มีอุณหภูมิสูง (มีแสงแดดส่องถึงทั้งวันหรือเป็นเวลานาน)
  • ไม่เก็บยาในห้องที่ชื้น เช่น ห้องน้ำ หรือห้องครัว
  • โดยควรเก็บยาในภาชนะบรรจุเดิม
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ยาซาซ่ากริปตินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาซาซ่ากริปติน  มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Onglyza (อองไกลซา) Bristol-Myers Squibb

 

บรรณานุกรม

  1. เนติ สุขสมบูรณ์. การบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยเบาหวาน. กรุงเทพมหานคร: บริษัทประชาชน จำกัด, 2558.     
  2. Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information handbook. 21th ed. Ohio: Lexi-Comp,Inc.; 2013-14.
  3. Micromedex Healthcare Series, Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado
  4. Product Information: Onglyza, Saxagliptin, Bristol-Myers Squibb, Thailand.
  5. TIMS (Thailand). MIMS. 130th ed. Bangkok: UBM Medica;2013
  6. https://en.wikipedia.org/wiki/Discovery_and_development_of_dipeptidyl_peptidase-4_inhibitors  [2021,Nov21]
  7. https://reference.medscape.com/drug/onglyza-saxagliptin-999211  [2021,Nov20]
  8. https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a610003.html   [2021,Nov20]